เพาะพันธุ์ “เอเดลไวส์” ดอกไม้แทน ”รักแท้” จากสวิตเซอร์แลนด์
นักวิจัยกำลังคัดแยกต้นอ่อนของ เอเดลไวส์ ลงขวดซึ่งข้างในมีสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของต้นอ่อน เอเดลไวส์ หรือราชินีดอกไม้แห่งเทือกเขาแอลป์ เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,500 - 3,400 เมตร
นักวิจัยกำลังคัดแยกต้นอ่อนของ เอเดลไวส์ ลงขวดซึ่งข้างในมีสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของต้นอ่อน เอเดลไวส์ หรือราชินีดอกไม้แห่งเทือกเขาแอลป์ เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,500 - 3,400 เมตร
เอเดลไวส์ เป็นไม้ดอกขนาดเล็ก ดอกสีขาวขนฟูราวหิมะ มักขึ้นตามหน้าผาสูงกว่าระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500 เมตรขึ้นไป ดอกไม้นี้จะบานเพียงปีละ 3 ครั้ง และรูปร่างของดอกจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือเหี่ยวเฉาถึงแม้เราจะเด็ดออกมาแล้วก็ตาม
เชื่อกันว่า ‘ชายใดที่มอบดอกไม้นี้แก่หญิงสาว’ นั่นหมายถึง เขามีความมั่นคง และมีความพยายาม เนื่องจากดอกไม้นี้จะบานเพียงปีละ 3 ครั้ง และรูปร่างของดอกจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือเหี่ยวเฉาแม้เราจะเด็ดออกมาแล้วก็ตาม เลยได้ชื่อว่าเป็นความหมายของ “รักแท้” ไม่เปลี่ยนแปลง
จากการศึกษาพบว่าส่วนต่างๆของต้น เอเดลไวส์ พบสารสำคัญคือ Leontopodic acid ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV) ซ่อมแซมและชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวหนัง สารสกัดจากเอเดลไวส์ จึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องสำอางอย่างแพร่หลาย
โดยมูลนิธิโครงการหลวงได้รับพระราชทาน ต้นเอเดลไวส์ จากสำนักพระราชวัง เมื่อ 11 พฤษภาคม 2562 ด้วยความที่เป็นพืชต่างถิ่นบนเทือกเขาสูงในเขตหนาว จึงต้องศึกษาการเจริญเติบโตและสภาพการปลูกเลี้ยงที่เหมาะสม มูลนิธิโครงการหลวงได้นำมาปลูกโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ บนอาหารแข็ง MS สูตรดัดแปลงที่ไม่เติมสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ในห้องควบคุมอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให้แสงจากหลอดไฟ LED เมื่อต้นเจริญเติบโตมีรากสมบูรณ์ จึงย้ายปลูกลงในวัสดุพีทมอสและขุยมะพร้าวที่ผ่านการฆ่าเชื้อ เมื่อต้นเอเดลไวส์สามารถตั้งตัวได้ จึงนำไปปลูกในพื้นที่ของมูลนิธิโครงการหลวง
ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์