"นฤมล" ยกทัพกระทรวงเกษตรฯ ติดตามน้ำท่วมอยุธยา-ปทุมธานี ชง ครม. ของบกลางฯ 3,700 ล้าน เยียวยาเกษตรกร อังคารนี้
"นฤมล" นำ 2 รมช. เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามน้ำท่วมอยุธยา-ปทุมธานี 8 ต.ค. ชง ครม. ของบกลาง 3,700 ล้าน เยียวยาฟื้นฟูเกษตรกร มั่นใจสถานการณ์น้ำไม่กระทบ กทม.
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.เวลา 10.20 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย 2 รมช. นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายอัครา พรหมเผ่า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี โดยเริ่มต้นที่วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวภายหลังการติดตามสถานการณ์น้ำว่า จากที่ได้รับฟังสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯเหมือนในปี 2554 แน่นอน เนื่องด้วยปริมาณน้ำและน้ำที่ยังเก็บกักได้เพิ่ม ตามที่รองอธิบดี กรมชลประทานรายงานข้อมูลมา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประสานกับกรมชลประทานตลอด เพื่อเตรียมแผนระบายน้ำหากมีพายุและปริมาณน้ำฝนลงมาเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งมีการจัดการสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำในคลองระบายน้ำต่าง ๆ
เมื่อถามถึงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งล่าสุด ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯได้ประเมินความเสียหาย และวางงบประมาณที่จะต้องใช้ในการฟื้นฟูทั้งหมดประมาณ 3,700 ล้านบาทและได้ส่งข้อมูลไปให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ในสัปดาห์หน้า โดยงบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องของข้าว เช่น การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อแจกจ่าย รวมทั้งช่วยเหลือภาคปศุสัตว์และประมงที่ได้รับความเสียหายด้วย
“กระทรวงเกษตรฯได้หารือกัน เนื่องจากมีข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ว่า กว่าน้ำจะลด กว่าจะได้งบประมาณมา และของจะไปถึง อาจจะไม่อยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกแล้ว จึงได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรกรฯ และให้ติดตามเรื่องที่สำนักงบประมาณตามที่ได้เสนอไปว่า ในบางพื้นที่ ในบางจุด ในบางงบฯ จะขอเปลี่ยนแปลงเป็นการฟื้นฟูด้วยเม็ดเงินเพิ่มเติมให้เกษตรกรได้หรือไม่”ศ.ดร.นฤมล กล่าว
ด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวชี้แจงถึงการออกประกาศเตือน ลุ่มเจ้าพระยาฉบับที่ 10 พื้นที่ 11 จังหวัด เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มว่า การที่เราจะระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที จะต้องขออนุญาตคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)จะทำโดยกรมชลประทานแห่งเดียวไม่ได้ ซึ่ง กนช.ได้อนุญาติเรียบร้อยแล้ว จึงต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อม โดยการระบายน้ำจะทำแบบขั้นบันไดค่อย ๆ ปล่อยน้ำไป การระบายน้ำที่จะเกิดขึ้น อาจจะไม่ถึงระดับที่เราได้ขออนุญาต กนช.ไป แต่จำเป็นที่ต้องขอเผื่อไว้ล่วงหน้า เนื่องจากต้องขอล่วงหน้าก่อน 3 วัน
อย่างไรก็ตาม น้ำที่จะมีผลกระทบต่อชาวกรุงเทพมหานครก็ต้องไปดูกันที่บางไทร ที่จะมีผลกระทบต่อชาวกรุงเทพฯ น้ำจะต้องระบายมากกว่า 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งยังเหลืออีก 30% จึงขอให้ชาวกรุงเทพฯมั่นใจได้ว่า ปีนี้น้ำจะไม่มีผลกระทบต่อชาวกรุงเทพฯอย่างแน่นอน ยกเว้นว่าหากมีพายุเข้ามา เส้นทางกรมอุตุนิยมวิทยาก็พยากรณ์อากาศว่าขณะนี้ลมหนาว เริ่มทยอยพัดเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว
เมื่อถามว่าหากทยอยระบายน้ำในพื้นที่ภาคกลางเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำมากขึ้น ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ อย่างไรบ้าง นายเดชตอบว่า ถ้าหากไม่มีน้ำหรือพายุอะไรที่เพิ่มเติมจากนี้ก็คาดว่าประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ นายเดช ยังระบุอีกว่า ในเดือนนี้จะมีน้ำทะเลหนุนสูงอีก ในช่วงระหว่างวันที่ 17-21 ตุลาคมนี้ ก็จะส่งผลต่อการระบายน้ำอย่างมาก อย่างไรก็ตามการเร่งระบายน้ำเหนือนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้วย
นางนฤมล กล่าวเสริมว่า ที่พื้นที่กรุงเทพฯนายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะเตรียมแผนรองรับและประสานทางกรมชลประทานอยู่ตลอด แต่อย่างที่เรากังวลก็คือเรื่องของปริมาณฝนเพราะฉะนั้นผู้ว่ากทมก็ได้เตรียมแผนเรื่องของการระบายน้ำฝน ไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งทำความสะอาดสิ่งกีดขวาง ในคลองระบายน้ำต่างๆ รวมถึงอุโมงค์ระบายน้ำในกรุงเทพมหานคร
จากนั้น ศ.ดร.นฤมล พร้อมด้วย 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ และคณะได้เดินทางต่อไปยังวัดอินทาราม ต.วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งไปตรวจปริมาณน้ำบริเวณประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง ต.ทางช้าง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และเดินทางไปยังสถานีสูบน้ำปากคลองรังสิต ถ.เลียบคลองประปา ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
/////
ข่าวแนะนำ