TNN กรุงเทพฯติดอันดับ 17 เมืองยอดนิยมต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก

TNN

เศรษฐกิจ

กรุงเทพฯติดอันดับ 17 เมืองยอดนิยมต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก

กรุงเทพฯติดอันดับ 17 เมืองยอดนิยมต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก

ต่างชาติจัดอันดับ ‘กรุงเทพฯ’ จากประเทศไทย ติดอันดับ 17 เมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก

ผลสำรวจของ Decoding Global Talent Report 2024 ซึ่งจัดทำโดยบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (BCG) ร่วมกับเดอะ เน็ตเวิร์ก (The Network) และเดอะ สเต็ปสโตน กรุ๊ป (The Stepstone Group) เปิดเผยรายงาน ’10 เมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายไปทำงานมากที่สุดในโลก ประจำปี 2024’ โดยระบุว่า ยุคนี้การทำงานและใช้ชีวิตในต่างประเทศกลายเป็นความฝันที่เป็นไปได้มากขึ้น ไม่ยากเหมือนในอดีต ตอบโจทย์วัยทำงานที่ต้องการโอกาสใหม่ๆ ด้านการงานการเงิน โดยเฉพาะแรงงานทักษะสูงกำลังไหลบ่าสู่ตลาดงานต่างประเทศทั่วโลก


‘กรุงเทพฯ’ จากประเทศไทย ติดอันดับที่ 17 เมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก โดยนับเป็น 1 ใน 9 เมืองจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เข้ามาติดอันดับ 30 อันดับแรกของโลก  ส่วน 10 อันดับแรกเมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก อันดับ 1 ได้แก่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 


อันดับ 2 กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์  

อันดับ 3 ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  

อันดับ 4 อาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

อันดับ 5 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 

อันดับ 6 กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี  

อันดับ 7 สิงคโปร์ 

อันดับ 8 บาร์เซโลนา ประเทศสเปน 

อันดับ 9 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

อันดับ 10 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ตามลำกับ


นอกจากนี้ ในรายงานดังกล่าว  ยังระบุด้วยว่า สัดส่วนของคนที่กำลังหางานทำในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ขยายเป็นวงกว้างไปทั่วโลกก็ตาม โดยพบว่าบุคคลที่โยกย้ายไปทำงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 23 ในปี 2566 จากเดิมเพียงร้อยละ 21 ในปี 2563  


อย่างไรก็ตาม นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย  รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1/2567 พบว่าหนึ่งในสถานการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจ  คือหัวข้อเกี่ยวกับ ‘Mental health ปัญหาสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง’ ที่ส่วนหนึ่งระบุถึงปัญหาสุขภาพจิตของ ‘วัยทำงาน’ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความรับผิดชอบสูง และมีหลายปัญหารุมเร้า โดยปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ต้องเผชิญปัญหาสุขภาพจิต คือ การทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับการทำงาน โดยการใช้เวลาถึง 1 ใน 3 ของแต่ละวันไปกับการทำงาน ส่งผลให้กรุงเทพมหานคร ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 5 จาก 100 เมืองของประเทศทั่วโลก ที่มีผู้คนทำงานหนักเกินไป และมีพนักงานประจำ มากกว่าร้อยละ 15.10  ที่ต้องทำงานล่วงเวลามากกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  


นอกจากนี้คนกรุงเทพฯ 7 ใน 10 มีอาการหมดไฟในการทำงาน  โดยในรายงานดังกล่าว ยังได้ระบุถึงผลกระทบจากการทำงานหนัก ว่า ส่งผลให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า และหมดไฟในการทำงานได้ง่าย   จากข้อมูลพบ วัยแรงงานขอรับบริการเรื่องความเครียด วิตกกังวล ไม่มีความสุขในการทำงาน มากถึง 5,989 สาย จาก 8,009 สาย ซึ่งหากภาวะเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อเนื่อง จะทำให้ปัญหาสุขภาพร่างกายรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย


ภาพจาก: AFP 

ข่าวแนะนำ