TNN online หมอธีระวัฒน์เตือน! ได้วัคซีนครบ 2 เข็มยังติดโควิดแอฟริกา-อินเดียได้

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

หมอธีระวัฒน์เตือน! ได้วัคซีนครบ 2 เข็มยังติดโควิดแอฟริกา-อินเดียได้

หมอธีระวัฒน์เตือน! ได้วัคซีนครบ 2 เข็มยังติดโควิดแอฟริกา-อินเดียได้

หมอธีระวัฒน์โพสต์เฟซบุ๊กเตือนคนไทยอย่าการ์ดตกหลังได้วัคซีน 2 เข็ม ในสิงคโปร์มีคนฉีดครบแต่ติดเชื้อ อินเดีย-แอฟริกา

วันนี้ ( 16 .. 64 ).นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “วัคซีน และ คงวินัย รักษาระยะห่าง คนไทยได้วัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็ตามอย่ามั่นใจ สายพันธุ์เพี้ยน อินเดีย แอฟริกา ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ครบ 2 เข็มในสิงคโปร์ ยังติดเชื้อได้

หมอธีระวัฒน์เตือน! ได้วัคซีนครบ 2 เข็มยังติดโควิดแอฟริกา-อินเดียได้

ก่อนหน้านี้ .นพ.ธีระวัฒน์ ยังกล่าวถึงสายพันธุ์โควิด 19 ที่ต้องจับตาเป็นอย่างสูง เนื่องจากเป็นสายที่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงโดยระบุว่า ในสิงคโปร์ พบสายอินเดียในชุมชนเองแล้ว และที่ติดสายอินเดียเป็นคนได้วัคซีน ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ครบ 2 แล้วโควิดซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาจนกลายเป็นที่เรียกว่าสายพันธุ์ ที่ต้องจับตามองด้วยความกังวลสูง ( variant of high global concern ) ไปจนถึงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (high consequence)


ล้วนแล้วแต่เกิดจากการระบาดที่รุนแรงแรงกว้างขวางจนเกิดการวิวัฒน์ ให้มีความเก่งกาจขึ้น (gain of function) ตั้งแต่ สายอังกฤษ แอฟริกาใต้บราซิลฟิลิปปินส์และจนอินเดีย ที่ถูกจัดจากองค์การอนามัยโลกให้ทั่วโลกจับตา และในอีกไม่ช้าไม่นาน ถ้าสถานการณ์คุมไม่ได้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็จะเกิดมีสายใหม่เกิดขึ้นอีก


ในส่วนของสายอินเดีย ที่มีการตรวจพบมานานพอสมควรในประเทศไทย หลายรายด้วยกันแล้ว ในสถานกักตัว

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากหมอและนักวิทยาศาสตร์อินเดียและหลายกลุ่ม ในไวรัสสายนี้มานานพอสมควร ที่ว่าสามารถ


 “จับลึก” นั่นก็คือไถลลงไปจับกับหลอดลมส่วนลึกและถุงลมแทนที่จะเป็นโพรงจมูกและลำคอ


จับแน่น” ทำให้มีความสามารถในการติดเชื้อได้เก่งขึ้นและจากนั้นแพร่ได้ง่ายขึ้น


หลีกหนี” การมองเห็นการเฝ้าระวังตรวจตราของระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีน


ทั้งนี้ยังหมายควบรวมไปถึงภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อครั้งแรกจากโควิดธรรมดา และเมื่อติดเชื้อสายใหม่นี้ สามารถมองเห็นจับได้ แต่ไม่ยับยั้งไวรัสและกลับจับไวรัสไปส่งให้ เซลล์ที่มีหน้าที่ป้องกันไวรัส โดยมีหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ แต่กลับปล่อยสารอักเสบขึ้นมาแทนเลยเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อและต่อทุกระบบในร่างกาย


ถือเป็น “บาป” ที่ภูมิคุ้มกันไม่รู้จักปรับตัวพัฒนาขึ้นมาสู้กับของใหม่ (original antigenic sin: ที่ทราบกันมาตั้งแต่ปี 1960)และในลำดับต่อไป ถ้าไวรัสมีการปรับเปลี่ยนส่วนท่อนต่างๆที่ปกติออกแบบมาอยู่แล้วเพื่อก่อโรคให้มีความรุนแรง และกลับรุนแรงขึ้นไปอีก จนมีปัญหาในการรักษาและรวมไปกระทั่งถึงดื้อยาที่ใช้ได้ผลอยู่ในปัจจุบัน จะกลายเป็น สายที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างสูง


ทั้งหมดนี้สามารถชนะได้ด้วยวัคซีนพร้อมกับมีวินัยทั้งทางบุคคลและทางสังคมอย่างเข้มข้นพยายามสงบการระบาดให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้


แต่อย่างไรก็ตามสายใหม่เหล่านี้ ต้องเล็ดลอดเข้ามาไม่ช้าก็เร็ว และแพร่ระหว่างคนไทยสู่คนไทย แต่ทั้งหมดเพื่อเป็นการซื้อเวลา เพื่อรอวัคซีนพัฒนารุ่นที่สองต่อไป

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง