TNN online ครม.ปรับเกณฑ์ซอฟท์โลนช่วยเอสเอ็มอี ขยายเวลาสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ถึงสิ้นก.ย.65

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

ครม.ปรับเกณฑ์ซอฟท์โลนช่วยเอสเอ็มอี ขยายเวลาสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ถึงสิ้นก.ย.65

ครม.ปรับเกณฑ์ซอฟท์โลนช่วยเอสเอ็มอี ขยายเวลาสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ถึงสิ้นก.ย.65

ครม.ไฟเขียว ปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการซอฟท์โลนธนาคารออมสิน ขยายความช่วยเหลือเอสเอ็มอีทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ พร้อมต่อเวลาสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ถึง 30 กันยายน 65

วันนี้ (4 ม.ค.65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ว่า ครม.มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ของธนาคารออมสิน หรือ โครงการซอฟท์โลน (Soft Loan) ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท (ปล่อยสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี ไม่ต้องมีหลักประกัน) 


โดยขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการให้ครอบคลุมธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ ผู้ผลิตรายย่อย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก เพื่อให้เอสเอ็มอี ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอี ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและซัพพลายเชน อาทิ ร้านอาหาร ธุรกิจสปา นวดแผนไทย รถรับจ้างนำเที่ยว เกสต์เฮ้าส์ 


นอกจากนี้ยังขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2564 โดยที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้อนุมัติสินเชื่อโครงการไปแล้ว จำนวน 4,137 ราย รวมเงินทั้งสิ้น 1,746 ล้านบาท และยังมีวงเงินคงเหลืออีกจำนวน 3,254 ล้านบาท จากวงเงินรวมทั้งโครงการ 5,000 ล้านบาท


พร้อมกันนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID - 19 (กลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้ประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร) จากเดิมที่มีกำหนดระยะเวลารับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ซึ่งธนาคารออมสินได้ดำเนินการอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการฯ ไปแล้ว จำนวน 820,380 ราย จำนวนเงินทั้งสิ้น 8,204 ล้านบาท และยังมีวงเงิน คงเหลืออีกจำนวน 1,796 ล้านบาท วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท 


ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์อนุมัติสินเชื่อตามมาตรการฯ ไปแล้ว จำนวน 28,911 ราย จำนวนเงินทั้งสิ้น 288 ล้านบาท และยังมีวงเงินคงเหลืออีก จำนวน 9,712 ล้านบาท จากวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท 


ที่มา: สำนักนายกรัฐมนตรี  

ภาพประกอบ : ธนาคาร ออมสิน , TNN Online 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง