เราจะปราศจากคอร์รัปชัน ต้องมีอิสระภาพทางการเงินและบุญคุณ

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ. บัวหลวง จำกัด (BBLAM) บอกถึงอุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศไทย เพราะตั้งแต่เข้ามามีบทบาทในการรณรงค์ให้ภาคธุรกิจเอกชนให้ความสำคัญกับการสร้างความโปร่งใสในองค์กร กลับพบว่า แม้ว่าจะมีการตื่นตัวพร้อมให้การสนับสนุนมากขึ้นแต่ปัญหาคอร์รัปชันก็ยังมีอยู่

.

การป้องกันการทุจริตภายในองค์กร

ธุรกิจกองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือแม้แต่สหกรณ์ออมทรัพย์ มันสามารถโกงกันได้หมด เพราะเงินที่ผ่านตาผู้จัดการกองทุนมันมากมายมหาศาล แม้จะไม่ได้จับเงินแต่ก็เห็นตัวเลข แต่การทุจริต หรือวิธีโกงก็ทำได้หลายอย่าง ระบบต่าง ๆ ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด มันต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึก

.

 

“ยกตัวอย่าง เช่น ผู้จัดการกองทุนหรือนักวิเคราะห์ ไปตกลงล่วงหน้ากับบริษัทจดทะเบียนว่าจะเอาหุ้นเข้าไปอยู่ในกองทุน ไปจ่ายเงินกันใต้โต๊ะ ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้”

.

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการป้องกันการทุจริตมีหลายวิธี เช่น การจัดตั้ง Investment Committee หรือ คณะกรรมการการลงทุน เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์ในการลงทุน มีนโยบายหรือหลักเกณฑ์การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน บางแห่งอาจกำหนดกติกาเฉพาะภายในองค์กร เช่น การไปเยี่ยมบริษัทจดทะเบียน หรือ Company Visit หรือการไปพบผู้บริหารที่จะเสนอขายหุ้นกู้ ต้องไม่ไปด้วยตัวเอง หรือไม่ไปคนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวให้มากที่สุด 

.

นอกจากนี้ การป้องกันการทุจริตภายในองค์กรเอง ก็ต้องลงไปดูในส่วนที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเป็นส่วนที่ใช้งบประมาณ เช่น จัดซื้อจัดจ้างไอที งบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ การตกแต่งอาคารสถานที่ ก็ต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาดูแล เพื่อให้การใช้งบเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

.

เราต้องมีอิสระทางการเงินและบุญคุณ

คุณวรวรรณ ย้ำว่าการที่องค์กรใด ๆ ที่จะปราศจากการคอร์รัปชันได้อย่างแท้จริง คนทำงานต้องเป็นอิสระ 2 ด้าน คือ “อิสรภาพทางการเงิน” และ “อิสรภาพจากบุญคุณ” ที่เหลือคือการปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนในองค์กร ให้ความสำคัญกับการต่อต้านคอร์รัปชัน

 

“ไม่ใช่เฉพาะ ป.ป.ช. แต่องค์กรใดก็ตามที่อยากจะป้องกันและช่วยกันปราบปรามการทุตริตในองค์กร คนปฏิบัติหน้าที่ต้องมีอิสระ 2 ด้าน คือ อิสรภาพทางเงินส่วนบุคคลและอิสรภาพจากบุญคุณ ถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติจะหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อ แต่ต้องเลือกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียให้น้อยที่สุด”    

.

พัฒนาธรรมาภิบาลในตลาดทุน 

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทั้งเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กับผลงานที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในตลาดทุนของประเทศ

 

ตลอดระยะเวลา 14 ปี (2545-2559) ในฐานะ CEO ของบริษัท คุณวรวรรณได้ผลักดันให้อุตสาหกรรมกองทุนและตลาดทุนโดยรวม ที่คุณวรวรรณดำรงตำแหน่งผู้นำสำคัญ เช่น นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ประธานสภาธุรกิจตลาดทุน และเป็นกรรมการในชุดต่าง ๆ ของ กลต. IOD และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่งผลให้ภายหลังเกษียณ คุณวรวรรณจึงยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของ บลจ.บัวหลวง มาจนถึงทุกวันนี้ รวมเกือบ 8 ปี (2559-2567)

.

หนึ่งในความแตกต่างนั้น คุณวรวรรณ เป็นผู้นำในการเสนอแผนงานและปฏิบัติงานหลายอย่างของภาคตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งกองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนโดยคำนึงถึง ESG หรือสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล กองแรกของประเทศไทย โดยบริจาครายได้ 40% ของค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนไปเกื้อกูลสังคมได้มากมาย (ESG Philanthropy Mutual Fund) โดยพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะบริจาคเงินให้อย่างโปร่งใสและเปิดเผยได้ 

.

อีกทั้งยังได้ผลักดันหลาย บลจ.ในอุตสาหกรรมกองทุน ให้ร่วมมือกันออกกองทุนรวมไทยธรรมาภิบาล โดยจะลงทุนในบริษัทไทยที่มีธรรมาภิบาลเท่านั้น และทุกกองทุนยังร่วมมือกันในการยกรายได้ 40% ของค่าบริหารกองทุนให้แก่โครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายพัฒนาธรรมาภิบาลในตลาดทุน หรือต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศ

.

คุณวรวรรณ เป็นหนึ่งในผู้บริหารหญิงจากเฉพาะ 17 ประเทศที่โดดเด่นในด้านนี้ ก็ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลผู้หญิงดีเด่นแห่งเอเชียด้านความยั่งยืน (Asia’s Top Sustainability Superwomen Award 2019)