จับตายุโรปขึ้นดอกเบี้ย-โควิดแพร่ระบาดหนุนทองคำดีดกลับ
"วรุต"มองทองคำในสัปดาห์หน้าผันผวน จากปัจจัยบวก-ลบต่างประเทศรอบด้าน แต่จะหนุนให้ทองคำขึ้นหรือร่วงทิศทางไหนมากกว่ากัน ตามไปดูกันเลย
นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยกับ TNNONLINE ว่า ราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแต่ไม่ลึก หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์แตะระดับ 9.1% ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงหลุด 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มาอยู่ที่ 1,697 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำยังผันผวน จากปัจจัยบวกและปัจจัยลบรอบด้านขึ้นกับเหตุการณ์ในช่วงนั้นว่าจะเป็นอย่างไร โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือการ ประชุมของธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี คาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.25-0.5 % เพื่อดูแลเงินเฟ้อแต่ถ้าอีซีบีขึ้นดอกเบี้ยแรงเหมือนกับเฟดจะเป็น ปัจจัยบวกหนุนสกุลเงินยูโรแข็งค่า กดดอลลาร์อ่อนหนุนทองคำดีดตัวกลับ จากเดิมที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าหากเทียบกับดอลลาร์ จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจเปราะบาง
นอกจากนี้ไปเดือนก.ย.-ต.ค.คาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 0.25% และในเดือนธ.ค.จะชะลอลงอยู่ที่ 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในรอบ 11 ปี ขณะเดียวกันต้องดูว่านางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปจะมีมาตรการใหม่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนหรือไม่ ถ้ามีจะหนุนให้ยูโรแข็งกดดอลลาร์อ่อน และหนุนทองคำปรับตัวขึ้น
ส่วนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ BOJ วันที่ 21 ก.ค.นี้ คาดว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ย โดยใช้นโยบายดอกเบี้ยผ่อนคลายเพื่อประคองเศรษฐกิจ ซึ่งหากเงินเยนอ่อนค่าจะส่งผลดีต่อทองคำ
ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนนานาประเทศให้เตรียมรับมือกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ BA. 4 และBA.5 ที่กำลังเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว และขอให้ประชาชนดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ติดและแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
ทั้งนี้เนื่องจากสายพัุนธุืดังกล่าวกระทบต่อสุขภาพของ ประชาชนสูงโดยเชื้อกระจายเข้าปอดได้รวดเร็วมากกว่า BA. 2อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแพร่ระบาดจะุรุนแรงมากน้อยแค่ไน โดยเฉพาะในสหรัฐถ้าโควิดระบาดมากและมีความรุนแรงเพิ่มอาจจะต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคมจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในสหรัฐ อาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้สหรัฐชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและหนุนทองคำปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ระบุว่าต้องการให้ีจีนเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์การแพร่ระบาดโควิดถ้าหากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อาจจะให้มีทำให้มีเงินส่วนหนึ่งไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงการลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ชะลอตัวลงโตเพียง 0.4%
สำหรับปัจจัยที่กดทองคำคือการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ก็จะทำให้ทองคำปรับตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และทำให้ทองคำถูกลดความน่าสนใจลง
ทั้งนี้ประเมินกรอบการลงทุนในสัปดาห์หน้าไว้ดังนี้
- แนวรับแรกที่ 1,697 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 29,450 บาท
- แนวรับถัดไปที่ 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 29,050 บาท
- แนวต้านแรกที่ 1,736 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 35,000 บาท
- แนวต้านถัดไปที่ 1,751 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 30,350 บาท
อย่างไรก็ตาม ถ้าทองคำไม่ผ่านแนวต้าน 1,751 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ก็อาจจะย่อตัวลงไปแตะระดับ 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้งโดยปัจจุบันราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,707.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 29,700 บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 36.62 บาทต่อดอลลาร์)
ที่มา นายวรุต รุ่งขํา
ภาพประกอบ วายแอลจี