World-in-depth: ญี่ปุ่นกับ “การถอยไม่ได้” ในการเจรจาทวิภาคีเกาหลีเหนือ

World-in-depth: ญี่ปุ่นกับ “การถอยไม่ได้” ในการเจรจาทวิภาคีเกาหลีเหนือ

สรุปข่าว


หากพิจารณาเพียงผิวเผิน จะคิดว่า ญี่ปุ่นต้องการที่จะสร้าง “การพูดคุยโดยด่วน” ต่อเกาหลีเหนือ เมื่อไม่นานมานี้ แต่หากพิจารณาจากประวัติศาสตร์ จะพบว่า “ไม่ใช่ครั้งแรก” คิชิดะ ได้ทำการ “เว้าวอน” ที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ


อย่างน้อยที่สุดในเดือนมีนาคม ปี 2024 นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ได้กล่าวต่อรัฐสภาว่า “เราควรจะเร่งเจรจากับเกาหลีเหนือในระดับสูงให้ได้ไวที่สุดในสมัยรัฐบาลของผม เหมือนที่ผมได้เสนอมาโดยตลอด” 


ตรงนี้ ถือว่า “ผิดวิสัย” อย่างมาก เพราะญี่ปุ่นแทบจะ “ไม่มีประเด็นใหญ่โต” หรือ “ประเด็นเร่งด่วน” อะไรที่ขนาดนั้น เหตุใด คิชิดะ จึงต้องกระทำการเช่นนั้นด้วย


หรือบางที สิ่งที่คิชิดะต้องการ จะมีอะไรมากไปกว่านั้น




--- สร้างคะแนนนิยม --- 


ในโลกของนักการเมือง “อาชีพ” การที่จะ “อยู่นาน ๆ” ในการกุมอำนาจได้ ไม่ได้มาจากความไว้วางใจภายในพรรค การได้เสียงข้างมากในรัฐสภา หรือการ “วิ่งเต้น” เก่ง แต่ในโลกของการเมืองแบบเลือกตั้ง พวกนี้จะอยู่ได้ด้วย “ความนิยมของประชาชน” ซึ่งจะสะท้อนออกมาผ่าน “โพล” สำนักต่าง ๆ


แน่นอน แม้ไม่ได้ทำให้กระเด็นตกจากเก้าอี้ในทันที แต่โพลนั้นสามารถ “คาดการณ์” ผลการเลือกตั้งในครั้งถัดไปได้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะมี “พฤติกรรมการเลือกตั้ง” ที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงไร


ซึ่ง “เงื่อนไข” ที่สำคัญสำหรับการได้รับความนิยม โดยเฉพาะ ในบริบทของญี่ปุ่น นั่นคือ “การจัดการปัญหาต่อเกาหลีเหนือ” ของผู้นำประเทศ ที่จะ “แปรผกผันกัน” 


หรือก็คือ หากผู้นำญี่ปุ่นสามารถที่จะ “เอาอยู่” ในเรื่องของ “ความมั่นคง” ที่มีต่อเกาหลีเหนือ อาทิ สามารถที่จะกดดันให้ท่านคิม จอง อึน ต้องยอมเข้ามา “เล่นในเกม” ของธรรมเนียมการระหว่างประเทศ ลดการทดสอบขีปนาวุธ สร้างความสัมพันธ์ปรกติ (Normalisation) ก็นับว่าทำให้ความนิยม “เพิ่มขึ้น” ได้โดยง่าย


กลับกัน หากมีการปล่อยปละละเลยให้ท่านคิม ยิงขีปนาวุธตกทะเลญี่ปุ่น หรือ “กร่าง” ต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความนิยมของผู้นำก็จะ “ลดลง” เป็นเงาตามตน


เพราะอย่าลืมว่า ญี่ปุ่นนั้นคือ “มหาอำนาจ” ดังนั้นความนึกคิดของผสกนิกรในประเทศ จึงมีลักษณะที่จะต้อง “ปกป้องหรือรักษาคุณค่าบางอย่าง” ในเอเชียและโลกใบนี้เอาไว้ให้ได้ การที่มีประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถที่จะ “สั่นคลอน” ประเทศตนหรือประเทศอื่น ๆ ก็เท่ากับว่า มหาอำนาจนั้น ๆ “บกพร่อง” เป็นอย่างมาก


จากสถิติ ความนิยมของคิชิดะ “ลดลง” ร้อยละ 20 จากปี 2023 และยังคง “ลดลงอย่างต่อเนื่อง” ร้อยละ 20 ในช่วงไตรมาศแรกของปี 2024 แน่นอน นอกเหนือจากการที่ประเทศเกิดปัญหา “ค่าเงินเยนฝืด” แล้ว เหตุผลหลัก ๆ ก็มาจากเรื่องการไม่สามารถคุมเกาหลีเหนือให้อยู่มือได้


ดังนั้น การเร่งเจรจา จึงเป็น “เงื่อนไขสำคัญ” ที่จะทำให้คิชิดะ “กู้คะแนนนิยม” ของตนให้กลับมา และกระทำการได้ง่ายกว่าการ “แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ” อย่างเรื่องปัญหาเงินฝืด เป็นไหน ๆ 


อี คี แท ผู้อำนวยการ Global Strategy Research Division at the Korea Institute for National Unification มองว่า การที่จะสร้างความนิยมให้เพิ่มขึ้นนั้น … ต้องทำแบบเดียวกับ “จุนอิจิโร โคอิสึมิ”


นั่นเพราะ ในการบริหารประเทศญี่ปุ่นสมัย จุนอิจิโร โคอิสึมิ นั้น ถือได้ว่าเป็น “สายเหยี่ยว” หรือก็คือ เขาไม่มีปราณีกับเกาหลีเหนือ แม้จะมีการความร่วมมือ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ญี่ปุ่นเสียเปรียบ และถึงนาด “กล้าหาญ” เดินทางไปเหยียบกรุงเปียงยางถึง 2 ครั้ง เพื่อเจรจาด้วยตนเอง นับว่า “ได้ใจ” ผสกนิกรอย่างมาก




--- ได้ประโยชน์แค่ฝ่ายเดียว? ---


เมื่อมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า การสร้างความนิยมนั้น ประเด็นทาง “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ถือว่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเมืองภายในประเทศ เพราะหากกระทำการได้อย่างบุ่มบ่าม ก็จะทำให้เสื่อมความนิยมได้โดยง่าย 


กระนั้น สิ่งสำคัญสำหรับการเจรจา ไม่ได้อยู่ที่การ “อยากคุย” ของผู้ที่ต้องการอยากได้อะไรบางอย่าง แต่อยู่ที่ “คู่สนทนา” ว่าอยากที่จะเจรจาหรือไม่


คิม ยอ จอง น้องสาวของท่านคิม จอง อึน ได้ปฏิเสธในการเจรจาครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะเกาหลีเหนือ “ไม่มีประเด็น” อะไรที่จะ “ฉวย” จากญี่ปุ่น หรือก็คือ เป็นการเจรจาที่เห็น ๆ กันอยู่ว่า “ญี่ปุ่นได้เปรียบกว่ามาก” และ “เกาหลีเหนือแทบจะไม่ได้ไม่เสีย” อะไรเลย


ในพื้นที่ของการระหว่างประเทศ การเจรจาที่เป็นแบบ “ได้ฝ่ายเดียว” เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อย ๆ หากวาระในการเจรจาจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบมากกว่า ก็จะต้องทำให้อีกฝ่าย “ได้อะไร” ไปบ้างเสียเล็กน้อย


ทีนี้ ต้องอยู่ที่ว่า “การสร้างประโยชน์” ในการเจรจา จะเกิดขึ้นแก่ทั้งสองฝ่ายได้หรือไม่


เพราะอย่าลืมว่า “การเจรจาไตรภาคี” ระหว่าง จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ก็มีแนวโน้มที่จะจัดขึ้นเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว ซึ่งตรงนี้ จะไปกระทบกับ “ความมั่นคง” ของเกาหลีเหนือ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

—————

แปล-เรียบเรียง: วิศรุต หล่าสกุล

ภาพ: Reuters


ข้อมูลอ้างอิง:

หนังสือ The Two Koreas and The Great Powers

บทความ Japan’s policy on North Korea: four motives and three factors

1, 23

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ

world in depth
ญี่ปุ่น
เกาหลีเหนือ
คิชิดะ
คิม จองอึน
ญี่ปุ่นเกาหลีเหนือ