

สรุปข่าว
จากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 ที่นอกชายฝั่งเมืองฮวาเหลียน ของไต้หวันเมื่อวานนี้ (3 เมษายน) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย บาดเจ็บเกิน 1,000 คน นับเป็นความเสียหายต่อชีวิตที่เกิดขึ้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับความรุนแรงของแผ่นดินไหว
คำถาม คือ ทำไมไต้หวัน ถึงเตรียมความพร้อมเรื่องแผ่นดินไหวได้ดีขนาดนี้? เกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง?
--- ทุกฝ่ายรู้งาน และประสานงานกัน ---
แผ่นดินไหว 7.2 ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ นอกชายฝั่งเมืองฮวาเหลียน เกิดขึ้นเมื่อเวลาก่อน 8 โมงเช้าเล็กน้อย ตามเวลาท้องถิ่น
ฉาง ทุง เหยา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเมืองฮวาเหลียน บอกว่า เขารู้ว่าต้องทำอะไรในทันที เพราะมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาแล้วเมื่อราว 6 ปีก่อน
ภายในช่วง 2 ชั่วโมงแรกหลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเวลา 8 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนกำลังออกเดินทางไปทำงาน ฉางบอกว่า ศูนย์พักพิงฉุกเฉินได้ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมพรัก ใกล้กับโรงเรียน ซึ่งสุดท้ายที่ศูนย์แห่งนี้ มีประชาชนมากกว่า 130 คน มาพักค้างคืน เนื่องจากบ้านได้รับความเสียหาย
ฉาง บอกอีกว่า ได้ทำการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐบาลกลางอย่างรวดเร็ว นี่ก็นับว่าเป็นกุญแจสำคัญของการจัดการ และรับมือสถานการณ์ที่เลวร้าย
ย้อนกลับไปเมื่อเหตุแผ่นดินไหวปี 2018 กับความรุนแรงระดับ 6.4 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 7 คน ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นเรียนรู้ที่จะต้องทำการประสานงานร่วมกับรัฐบาลกลาง รวมถึงหน่วยงาน NGO ในการตอบสนองและบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ
เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมือง ตลอดจนตำรวจ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือในการอพยพผู้คนในพื้นที่ประสบภัยกลางเมืองฮวาเหลียน สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อในการจัดการกับอาคารที่พังเสียหาย ก่อนที่มันจะพังถล่มลงมาเมื่อใดก็ได้ หากเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา
ฉาง บอกว่า ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง รัฐบาลท้องถิ่น และฝ่ายบริหาร ทำงานร่วมกันเพื่อลดความเสียหายให้เกิดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
--- ไต้หวันคุ้นเคยกับแผ่นดินไหว–ระเบียบสร้างอาคารที่แข็งแรง ---
อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ การที่ไต้หวันคุ้นเคยกับแผ่ดนินไหวอยู่แล้ว เพราะตั้งอยู่ใกล้กับแนวเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย และแผ่นเปลือกโลกทะเลฟิลิปปินส์ ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวปีละกว่า 2,000 ครั้ง
แต่จุดที่เกิดแผ่นดินไหว มักเกิดขึ้นในพื้นที่ตะวันออกของเกาะ ซึ่งเป็นแถบชนบทที่มีประชากรเบาบาง แต่ก็ถือเป็นจุดที่มีธรรมชาติงดงาม ภูเขาตั้งตระหง่าน ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากต่อปี
ไต้หวันเคยเผชิญเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 1999 ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,400 คน ที่ทำให้รัฐบาลต้องสั่งปรับเปลี่ยนระเบียบการสร้างอาคาร ซึ่งถือเป็นการเตรียมพร้อมที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับภัยพิบัติครั้งต่อ ๆ ไป รวมถึงการออกกฎหมายการจัดการภัยพิบัติที่แข็งแกร่ง
อีกทั้งไต้หวันยังมีการเตือนประชาชนกรณีเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิ ด้วยการส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน และการฝึกซ้อมอพยพตามโรงเรียนต่าง ๆ อยู่เสมอ
--- เรียนรู้จากบทเรียน กับทีมกู้ภัยที่เป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ของไต้หวัน ---
ดอนนา อู๋ รองผู้อำนวยการ The Mustard Seed Mission ซึ่งเป็นกลุ่มชาวคริสต์ ในเมืองฮวาเหลียน บอกว่า จากบทเรียนแผ่นดินไหวครั้งก่อน ๆ ที่การรับมือค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร ต่างคนต่างทำงาน ไม่ประสานงานกัน ครั้งนี้ทุกคนจึงเรียนรู้ และนำความผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียน
อีกเหตุผลที่ทำให้ไต้หวันตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว คือ ไต้หวันเตรียมการพร้อมสำหรับการถูกจีนโจมตีอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ไต้หวันต้องมีการซ้อมรบเป็นประจำทุกปี ที่บางภารกิจเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง ทำให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที
เมืองต่าง ๆ ของไต้หวัน มีหน่วยกู้ภัยที่สแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง ที่พร้อมสำหรับรับมือไม่ว่าจะเกิดเหตุใดขึ้น
อย่างเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันพุธ เพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง รัฐบาลเมืองเกาสงทางใต้ ได้ส่งทีมกู้ภัยไปยังเมืองฮวาเหลียนในทันที และเป็นทีมที่เตรียมพร้อมสำหรับการส่งไปช่วยบรรเทาทุกข์ทั่วโลกมาแล้ว และนี่ก็นับว่าเป็น นโยบายการทูตแบบ “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่สำคัญของไต้หวัน ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับประเทศอื่น ๆ มากมายนัก
ซานดรา โอดเคิร์ก ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจและการค้าสหรัฐฯ ประจำไต้หวัน กล่าวยกย่องการตอบสนองและการรับมือของรัฐบาลไต้หวัน ว่า ไต้หวันถือว่าประสบความสำเร็จ ในการเป็นต้นแบบของการป้องกันภัยพิบัติ การจัดการภัยธรรมชาติ และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนทั่วทั้งโลก
—————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Sam Yeh / AFP
ข้อมูลอ้างอิง:
ที่มาข้อมูล : -