คุณธีรศักดิ์ ธนวรากุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (8 พ.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,160 จุดไปแล้ว (เมื่อต้นเดือนเมษายน) แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่ดัชนีจะย่อตัวหรือปรับฐานลงได้อีก โดยมีแนวรับที่น่าสนใจบริเวณ 1,150-1,130 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ การบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) และหุ้นเชิงรับ (Defensive) เพื่อหลบเลี่ยงผลกระทบจากสงครามการค้า ชู CPALL, MTC, AMATA และ MONO เป็นหุ้นเด่นน่าสนใจ
สรุปข่าว
คุณธีรศักดิ์ ธนวรากุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (8 พ.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,160 จุดไปแล้ว (เมื่อต้นเดือนเมษายน) แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่ดัชนีจะย่อตัวหรือปรับฐานลงได้อีก โดยมีแนวรับที่น่าสนใจบริเวณ 1,150-1,130 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ การบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) และหุ้นเชิงรับ (Defensive) เพื่อหลบเลี่ยงผลกระทบจากสงครามการค้า ชู CPALL, MTC, AMATA และ MONO เป็นหุ้นเด่นน่าสนใจ
SET ผ่านจุดต่ำสุด 1160 - รอความชัดเจนเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
คุณธีรศักดิ์มองว่า แม้ SET Index จะดีดกลับขึ้นมาได้ แต่ความเสี่ยงในแง่ของการย่อตัวยังคงมีอยู่ โดยแนวรับสำคัญที่ 1,160 จุดที่เคยทดสอบไปเมื่อต้นเดือนเมษายน น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบที่ผ่านมาแล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับฐานอีกครั้ง แนวรับถัดไปจะอยู่ที่โซน 1,150-1,130 จุด
"ปัญหาคือในรอบนี้ เรื่องของสงครามการค้า ประเด็นการพูดคุย การเจรจาต่อรองเนี่ย เราค่อนข้างเสียเปรียบ...สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ รอคอยจีนกับสหรัฐเปิดเจรจาพูดคุย แล้วก็ดูในรายละเอียดว่าสินค้าประเภทไหนจะได้รับผลกระทบหรือประโยชน์" คุณธีรศักดิ์กล่าว
ปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอคอยคือการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้น โดย Sentiment ที่ดีจากการชะลอการเก็บภาษีของสหรัฐฯ น่าจะยังคงหนุนการฟื้นตัว จนกว่าจะถึงวันเจรจาจริง ซึ่งอาจเป็นจุด Take Profit สำหรับการ Rebound รอบนี้ กลยุทธ์เดือนพฤษภาคม แนะให้รอการเจรจา โดย SET อาจแกว่ง Sideway ในกรอบแนวรับ 1,200 จุด และแนวต้าน 1,230 จุด แต่ไม่ควรหลุด 1,190 จุด เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงการปรับฐานลึก
หุ้นเด่นแนะนำ: Domestic Play - Defensive Stock
ธีมการลงทุนที่ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล แนะนำเพื่อหลบภัยสงครามการค้า คือหุ้นที่อิงการบริโภคในประเทศและหุ้น Defensive:
- CPALL: ราคาหุ้น Sideway มาพักใหญ่ แนวต้านเบื้องต้น 56-57 บาท หากผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 57.5 บาทได้ มีโอกาสขึ้นไปปิด Gap ที่โซน 62 บาท
- MTC: (Top Pick ของ CGS-CIMB International) ราคาติดแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน การย่อตัวระยะสั้นมีแนวรับที่ 40 บาท เป็นจุดน่าสนใจเข้าซื้อ เนื่องจากได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ทำให้ต้นทุนการเงินลดลง
- AMATA: กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงสงครามการค้าไปแล้ว และเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แนวต้านเบื้องต้น 18 บาท และแนวต้านใหญ่ที่ 19 บาท
- MONO: มีประเด็นเฉพาะตัวเรื่องการประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งจะเริ่มถ่ายทอดเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าราคายังมี Upside โดยมีแนวต้านที่ 2 บาท และภาพใหญ่อาจลุ้นถึง 3 บาท แนวรับ 1.80 และ 1.75 บาท เป็นโซนเข้าซื้อเก็งกำไรได้
กลุ่มที่ยังต้องระมัดระวัง:
- อสังหาริมทรัพย์ (ที่อยู่อาศัย): แม้ Dividend Yield ดีและมีมาตรการกระตุ้น แต่กำลังซื้อในอีก 6-12 เดือนข้างหน้ายังลดลง และสต็อกเดิมยังต้องใช้เวลาในการระบาย แนะ Wait and See
- เครื่องดื่ม (ICHI): อากาศเดือนเมษายนไม่ร้อนเท่าปีก่อน ทำให้ปัจจัยฤดูกาลอาจไม่เด่นชัดเท่าที่ควร คาด ICHI ยังเป็น Sideway Down รอตั้งรับแถว 11 บาท แนวต้าน 12 บาท
- ขนส่ง (BTS): มีประเด็น Overhang เรื่องการซื้อคืนรถไฟฟ้าของภาครัฐ ต้องรอราคากลับไปยืนเหนือ 5.10 บาท แนวรับ 4.70 หรือ 4.50 บาท
- ขนส่ง (KERRY EXPRESS): กรณีการรับซื้อคืนและออกจากตลาด มอง Upside จำกัดที่ประมาณ 1.70-1.90 บาท