นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้พบหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการรับมือสงครามการค้าจากนโยบายทรัมป์ 2.0
โดยยืนยันว่า ภาคเอกชนกับภาครัฐทำงานในแนวทางเดียวกัน เพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกอบ และผลประโยชน์เพื่อประเทศ ถือเป็นการทำงานสร้างสรรค์
สรุปข่าว
ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ในการปรับขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.นั้น สหรัฐฯ จะพิจารณาเป็นรายประเทศ ที่มีการเกิดดุลการค้าสหรัฐฯ
ซึ่งคาดว่าจะมีกว่า 50 ประเทศ และอาจมีไทยติดอยู่ด้วยนั้น นายสนั่น กล่าวว่า ทุกประเทศต่างมีความกังวลต่อนโยบายดังกล่าว เพราะนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เอาแน่เอานอนไม่ได้ การเจรจาต่อรอง ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นจะต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมที่สุด
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ เอาแน่ไม่ได้ เราต้องดูเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไรและต้องรับมือให้ทัน และต้องมีความคล่องตัว...ทางเอกชนก็มีข้อมูล ทางภาครัฐก็มีข้อมูลต่าง ๆ เมื่อรวมกันแล้ว ถ้าพูดในแนวทางเดียวกัน ผมคิดว่า จะเป็นการเจรจาที่ไม่เสียเปรียบมากเกินไป
พร้อมยืนยันว่า ภาคเอกชนพอใจกับการเตรียมมาตรการรับมือของทางรัฐบาล เพราะเห็นถึงความตั้งใจและการทำงานหนัก และสบายใจ

Chakorn Nhukongmai
(Chakorn Nhukongmai)