สรุปข่าว
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้ปรับลดค่าธรรมเนียมเงินนำส่งเพื่อชำระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institutions Development Fund: FIDF) ลงครึ่งหนึ่ง จากระดับร้อยละ 0.46 ของฐานเงินฝากที่ต้องนำส่งให้กระทรวงการคลังชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของกองทุนฟื้นฟูฯ ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ และให้ความเห็นในเรื่องนี้
อย่างไรก็ดีผู้ว่าการธปท. ยืนยีนว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวที่สถาบันการเงินปีละ 2 ครั้งนั้น ธปท. ได้นำเงินทั้งหมดนำส่งให้กระทรวงการคลังเพื่อไปชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของกองทุนฟื้นฟูฯ ทั้งหมด ซึ่งข้อมูลล่าสุด ณ เดือนสิงหาคม 2567 หนี้กองทุนฟื้นฟูฯมียอดคงค้างอยู่ที่ 580,000 ล้านบาท
ด้านนางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเงินนำส่งเพื่อใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เรียกเก็บจากสถาบันการเงินร้อยละ 0.46 ต่อปี จะได้ประมาณ 70,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นปีละ 2 งวด หรืองวดละประมาณ 35,000 ล้านบาท โดยหลังจากเก็บค่าธรรมเนียมมาจาการสถาบันการเงินในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มาแล้ว ธปท.จะนำเงินส่งไปชำระหนี้ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งทำให้ยอดหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จะลดลง 550,000 ล้านบาท
ดังนั้น หากให้ลดเงินนำส่งเหลือร้อยละ 0.23 จะทำให้การชำระดอกเบี้ยหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้น้อยลงราว 5,000 ล้านบาท หรือมีต้นทุนต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาทในอนาคต และทำให้หนี้เงินต้นลดลงช้าไปอีกราวครึ่งปี หากลดเงินนำส่งเหลือร้อยละ 0.23 เป็นระยะเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ต้องนำส่งค่าธรรมเนียมคิดเป็นร้อยละ 0.47 ของฐานเงินที่รับจากประชาชน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก หรือร้อยละ 0.01 จะถูกส่งให้กับสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ขณะที่ร้อยละ 0.46 ของยอดเงินจะถูกนำไปใช้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
ที่มา TNN
ที่มาข้อมูล : -