

สรุปข่าว
ความยั่งยืน หรือ Sustainability ไม่ใช่แค่เทรนด์โลก แต่ได้กลายมาเป็นรากฐานที่สำคัญ ที่จะสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจในอนาคต และบริษัทไทยเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เห็นได้จากผลสำรวจที่ทาง UOB Business Outlook Study 2024 ได้ทำสำรวจธุรกิจไทยจำนวน 525 บริษัท พบว่า ร้อยละ 94 ธุรกิจไทยตระหนักว่าประเด็นความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ และร้อยละ 22 กำลังมีแผนจะเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ในอีก 3 ปีข้างหน้า
แต่ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็ยังมองว่า การทำเรื่องความยั่งยืนต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ เงินทุนและต้องการแรงสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐหรือธนาคาร ในหลายเรื่อง อาทิ แรงจูงใจทางภาษี สิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย การเชื่อมต่อกับบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อเรียนรู้แนวปฎิบัติ ความร่วมมือทางธุรกิจจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอื่นๆ การบริการด้านการลงทุน คำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานด้าน ESG รวมไปถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนกลุ่มธนาคารยูโอบี และ ยูโอบี ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานธุรกิจเพื่อความยั่งยืน มาอย่างต่อเนื่อง และยังเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่อยากเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน จึงได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม เช่น สินเชื่อเพื่ออาคารสีเขียว (Green Building) สินเชื่อเพื่อเมืองอัจฉริยะ (Smart City) สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สินเชื่อบริการและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศสีเขียว (Green Trade Finance) สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Financing) และสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจการเกษตร (Food and Agribusiness) รวมไปถึงการออกเครื่องมือที่มาช่วยเหลือผู้ประกอบการ หนึ่งในนั้นคือ เครื่องมือ “UOB Sustainability Compass”
ซึ่งที่มาของ “UOB Sustainability Compass” นางสาวอัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Commercial Banking ยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า เกิดจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการมักได้ฟังเป้าหมายและการดำเนินการยั่งยืนในภาพใหญ่ของภาครัฐ และองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ส่วนของธุรกิจขนาดเล็กยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือบางรายได้ทำไปแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงจุดไหน ยูโอบีจึงมีแนวคิดให้ผู้ประกอบการเป็นจุดตั้งต้น แล้วมีเครื่องมือมาช่วยหาคำตอบ ที่เรียกว่า “UOB Sustainability Compass” มาช่วยชี้วัดว่าองค์กรของตัวเองอยู่ตรงไหนในการทำเรื่องความยั่งยืน พร้อมกับออกรายงานและคำแนะนำให้กับผู้ประกอบการ
ความน่าสนใจของเครื่องมือ “UOB Sustainability Compass” นางพณิตตรา เวชชาชีวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Financial Institutions and ESG Solutions ยูโอบี ประเทศไทย บอกว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ง่าย ผ่านระบบออนไลน์ ที่เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าไปใช้งานด้วยการแบบสอบถามเพียง 15 ข้อ ก็จะประเมินผลออกมาว่าองค์กรของตัวเองอยู่ในตรงจุดไหนขั้นตอนไหนในการทำเรื่องความยั่งยืน ซึ่งจะมี 3 ระดับ คือ ระดับเริ่มต้น (Starter) ระดับกลาง (Intermediate) ระดับสูง (Advanced) โดยจะออกรายงานความพร้อมด้านความยั่งยืน โดย
รายงานมีการรวบรวมข้อมูลจำเพาะของกฎระเบียบ บรรทัดฐาน และมาตราฐานที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนที่จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทของแต่ละอุตสาหกรรมพร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับโซลูชันทางการเงินที่เหมาะสมให้แก่บริษัท และหลังจากนั้นสามารถติดต่อขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ยูโอบี แนะนำแนวทางปฏิบัติ รวมไปถึงแนะนำคู่ค้าที่เป็น third party กับบริษัทได้
ทั้งนี้ “UOB Sustainability Compass” ได้เริ่มเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ในปี 2566 ที่สิงคโปร์ ตามมาด้วยมาเลเซีย ซึ่งข้อมูล ณ เดือนมีนาคมปีนี้ มีธุรกิจกว่า 1,700 บริษัทเข้ามาใช้บริการ สำหรับประเทศไทยเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายน ปีนี้มาจนถึงปัจจุบัน มีธุรกิจเข้ามาใช้งานแล้ว 300 ราย พร้อมตั้งเป้าหมายในปีนี้ไว้ราว 1,000 ราย โดยเปิดให้ธุรกิจทุกราย แม้จะไม่ใช่ลูกค้าของธนาคารก็สามารถใช้บริการได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้ที่สนใจสามารถ UOB Sustainability Compass สามารถเข้าไปที่ที่ www.uob.co.th/compass-th
ที่มาข้อมูล : -