ซื้อรูปจากคนอื่น เพื่อโชว์เป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เทรนด์ที่อาจสะท้อนปัญหาสุขภาพจิต

ซื้อรูปจากคนอื่น เพื่อโชว์เป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เทรนด์ที่อาจสะท้อนปัญหาสุขภาพจิต

‘หารูปวิวสวยๆ’

‘หารูปธรรมชาติ เที่ยวต่างประเทศ’

‘หาคลิปปั่นจักรยานวิวตอนเย็นสวยๆ’

‘หารูปตอนอยู่ในรถหรูๆ ติดแกลม’


กลายเป็นเทรนด์ในกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มซื้อขายรูปภาพเรียล วิวต่างๆ ที่คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นแอคเคาท์นิรนาม มาขอซื้อภาพกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ วิว การท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งภาพที่ขายนั้น ก็มีตั้งแต่ภาพคนแบบไม่เห็นหน้า, วิว หรือมุมต่างๆ ในต่างประเทศ, คอนเสิร์ต, โชว์แบรนด์เนม ของหรู ไปจนถึงการขอให้มาแฮปปี้เบิร์ดเดย์ในสตอรี่ในอินสตาแกรมด้วย 

การซื้อรูปภาพ คลิปวิดีโอเหล่านี้ก็มีขายกันตั้งแต่ในราคา 5-10 บาทเลย ซึ่งเหตุผลของการซื้อรูป ก็มีตั้งแต่ การซื้อไปเพื่อไปโพสต์ปั้นแอคเคาท์ให้ดูดี เพื่อมียอดคนติดตามเยอะ ก่อนจะขายต่อ, ซื้อรูปไปทำโฆษณา การตลาด, ลงสตอรี่ตัวเองเพื่อโชว์ไลฟ์สไตล์ ไปถึงการแอบอ้าง หรือหลอกลวง

แต่ในกรณีเพื่อซื้อรูปภาพวิว อาหาร หรือสินค้าบางอย่าง เพื่อไปทำโฆษณาคงดูจะไม่เป็นปัญหา หากผู้ซื้อ-ขายตกลงกันได้เหมือนการซื้อภาพสต็อกทั่วไป แต่หากซื้อเพื่อแอบอ้าง หรือลงโพสต์อวดไลฟ์สไตล์ตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความจริงนั้น อาจจะเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงค่านิยมที่ผิดเพี้ยน ไปถึงสุขภาพจิตได้ด้วย 


เพราะโซเชียลมีเดีย คือช่องทางนำเสนอตัวเองตามอุดมคติที่สังคมต้องการ 

การโพสต์เพื่อให้ตัวเองดูดีนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกบนโซเชียลมีเดีย โดยนักจิตวิทยามองว่า คนเรามักนำเสนอตัวเองบนโซเชียลมีเดีย ในเวอร์ชั่นในอุดมคติตามสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสังคมต้องการ 

เพราะในด้านชีวิตส่วนตัว และอาชีพ เราต่างใช้โลกออนไลน์เชื่อมต่อเสมือนจริง กับบุคคลหลากหลายที่เราทั้งรู้จัก และแทบไม่รู้จัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรู้จักผ่านโซเชียลมีเดียเท่านั้น และข้อมูลทั้งหมดเหล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราจะโพสต์ ผู้คนจึงมักคิดว่าจะสร้างความประทับใจ และน่าจดจำกับความสัมพันธ์ทางสังคมเหล่านี้ได้อย่างไร ในข้อจำกัดคือการแบ่งปันข้อมูลของเราบนโซเชียลมีเดีย แต่ความพยายามนั้น อาจเกิดความผิดเพี้ยนได้ หากมีการบิดเบือน ใช้รูปคนอื่น ไปถึงแสดงให้เห็นถึงปัญหาทางตัวตนบางอย่าง 

นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ หรือหมอท็อป จิตแพทย์ และโฆษกกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ถึงประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมา การใช้โซเชียลมีเดียมีการโพสต์รูป การโชว์การใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ ที่บางครั้งไม่ใช่ภาพของเขาจริง เป็นรูปของคนอื่น หรือเอารูปมาจากอินเทอร์เน็ตนั้น เป็นเทรนด์ที่มีมานานแล้ว 

“ในตอนหลังอาจจะพัฒนาถึงเป็นการขอซื้อ-ขายรูปกันเลยได้ ดังนั้นมันอาจจะสะท้อนให้เห็นว่า คนในปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับเรื่องการแสดงถึงรสนิยม สถานะ หรือการใช้ชีวิตบางประเภท เพราะว่าจริงๆ มันมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องความมั่งมี ร่ำรวย สุขสบาย หรือบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับเงินทอง แต่ก็อยากให้คนเข้าใจว่า เขาเป็นยังไง ดังนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูก นำรูปคนอื่นมาใช้” นักจิตแพทย์กล่าว


สรุปข่าว

กลายเป็นเทรนด์ในกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มซื้อขายรูปภาพเรียล วิวต่างๆ ที่คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นแอคเคาท์นิรนาม มาขอซื้อภาพกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ วิว การท่องเที่ยวต่างๆ แต่หากซื้อเพื่อแอบอ้าง หรือลงโพสต์อวดไลฟ์สไตล์ตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความจริงนั้น อาจจะเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงค่านิยมที่ผิดเพี้ยน ไปถึงสุขภาพจิตได้ด้วย

‘หารูปวิวสวยๆ’

‘หารูปธรรมชาติ เที่ยวต่างประเทศ’

‘หาคลิปปั่นจักรยานวิวตอนเย็นสวยๆ’

‘หารูปตอนอยู่ในรถหรูๆ ติดแกลม’


กลายเป็นเทรนด์ในกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มซื้อขายรูปภาพเรียล วิวต่างๆ ที่คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นแอคเคาท์นิรนาม มาขอซื้อภาพกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ วิว การท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งภาพที่ขายนั้น ก็มีตั้งแต่ภาพคนแบบไม่เห็นหน้า, วิว หรือมุมต่างๆ ในต่างประเทศ, คอนเสิร์ต, โชว์แบรนด์เนม ของหรู ไปจนถึงการขอให้มาแฮปปี้เบิร์ดเดย์ในสตอรี่ในอินสตาแกรมด้วย 

การซื้อรูปภาพ คลิปวิดีโอเหล่านี้ก็มีขายกันตั้งแต่ในราคา 5-10 บาทเลย ซึ่งเหตุผลของการซื้อรูป ก็มีตั้งแต่ การซื้อไปเพื่อไปโพสต์ปั้นแอคเคาท์ให้ดูดี เพื่อมียอดคนติดตามเยอะ ก่อนจะขายต่อ, ซื้อรูปไปทำโฆษณา การตลาด, ลงสตอรี่ตัวเองเพื่อโชว์ไลฟ์สไตล์ ไปถึงการแอบอ้าง หรือหลอกลวง

แต่ในกรณีเพื่อซื้อรูปภาพวิว อาหาร หรือสินค้าบางอย่าง เพื่อไปทำโฆษณาคงดูจะไม่เป็นปัญหา หากผู้ซื้อ-ขายตกลงกันได้เหมือนการซื้อภาพสต็อกทั่วไป แต่หากซื้อเพื่อแอบอ้าง หรือลงโพสต์อวดไลฟ์สไตล์ตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความจริงนั้น อาจจะเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงค่านิยมที่ผิดเพี้ยน ไปถึงสุขภาพจิตได้ด้วย 


เพราะโซเชียลมีเดีย คือช่องทางนำเสนอตัวเองตามอุดมคติที่สังคมต้องการ 

การโพสต์เพื่อให้ตัวเองดูดีนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกบนโซเชียลมีเดีย โดยนักจิตวิทยามองว่า คนเรามักนำเสนอตัวเองบนโซเชียลมีเดีย ในเวอร์ชั่นในอุดมคติตามสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสังคมต้องการ 

เพราะในด้านชีวิตส่วนตัว และอาชีพ เราต่างใช้โลกออนไลน์เชื่อมต่อเสมือนจริง กับบุคคลหลากหลายที่เราทั้งรู้จัก และแทบไม่รู้จัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรู้จักผ่านโซเชียลมีเดียเท่านั้น และข้อมูลทั้งหมดเหล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราจะโพสต์ ผู้คนจึงมักคิดว่าจะสร้างความประทับใจ และน่าจดจำกับความสัมพันธ์ทางสังคมเหล่านี้ได้อย่างไร ในข้อจำกัดคือการแบ่งปันข้อมูลของเราบนโซเชียลมีเดีย แต่ความพยายามนั้น อาจเกิดความผิดเพี้ยนได้ หากมีการบิดเบือน ใช้รูปคนอื่น ไปถึงแสดงให้เห็นถึงปัญหาทางตัวตนบางอย่าง 

นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ หรือหมอท็อป จิตแพทย์ และโฆษกกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ถึงประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมา การใช้โซเชียลมีเดียมีการโพสต์รูป การโชว์การใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ ที่บางครั้งไม่ใช่ภาพของเขาจริง เป็นรูปของคนอื่น หรือเอารูปมาจากอินเทอร์เน็ตนั้น เป็นเทรนด์ที่มีมานานแล้ว 

“ในตอนหลังอาจจะพัฒนาถึงเป็นการขอซื้อ-ขายรูปกันเลยได้ ดังนั้นมันอาจจะสะท้อนให้เห็นว่า คนในปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับเรื่องการแสดงถึงรสนิยม สถานะ หรือการใช้ชีวิตบางประเภท เพราะว่าจริงๆ มันมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องความมั่งมี ร่ำรวย สุขสบาย หรือบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับเงินทอง แต่ก็อยากให้คนเข้าใจว่า เขาเป็นยังไง ดังนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูก นำรูปคนอื่นมาใช้” นักจิตแพทย์กล่าว


สร้างตัวตนใหม่ ด้วยการโพสต์โชว์บนโซเชียล

บทความใน The wellness corner เว็ปไซต์เกี่ยวกับสุขภาพจิตนั้น ได้ระบุถึงสาเหตุจากการใช้ชีวิตปลอมๆ บนโซเชียลมีเดียไว้หลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่ การต้องการได้รับการยอมรับ, ความกลัวที่จะพลาดบางสิ่งบางอย่าง (FOMO), การสร้างแบรนด์, อิทธิพลของการโฆษณาบนโซเชียล , แรงกดดันจากเพื่อนๆ, ความนับถือตนเองที่ต่ำ, การแสวงหาความสนใจ เป็นต้น

ซึ่งก็ตรงกับความเห็นของหมอท็อปที่มองว่าการโชว์หรือโพสต์ในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องราวของตัวเองนั้น “ในเชิงจิตวิทยามันยังอาจจะแสดงถึงความไม่มั่นใจ, อยากเป็นที่ยอมรับ หรืออยากให้คนอื่นทำให้รู้สึกว่าเรามีคุณค่า, ต้องการทำให้คนเข้าใจว่าเราโอเค มีความสามารถ หรือดีในด้านใดบางอย่าง จึงไปสร้างตัวตนปลอมที่ไม่จริงขึ้นมา อันนี้คือกรณีที่ไม่ได้มีผลตอบแทน หรือไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝง แต่ถ้าเป็นกรณีที่ทำเพื่อหลอกคนอื่น เพื่อผลประโยชน์ หรือหลอกเอาเงินทอง อันนี้อาจจะเข้าข่ายเรื่องอาชญากร หรือมิจฉาชีพได้”

คุณหมอยังชี้ว่า นี่ยังเป็นการสะท้อนถึงภาพลักษณ์ เพราะคนในปัจจุบันแคร์เรื่องภาพลักษณ์ทางโซเชียลมากในระดับนึง “ดังนั้นอาจจะเกิดการแข่งขัน สู้กันว่าใครเหนือกว่า หรือคนต้องการเพิ่มความมั่นใจตัวเองจากการยอมรับในโซเชียลมีเดีย มันอาจจะเป็นแค่เปลือกนอก เพราะบางทีพอเราอยู่กับโซเชียลมีเดียมากๆ พอเราคิดว่าถ้าไม่ทำตาม หรือไม่มี กลัวจะเอาท์ ตกเทรนด์ หรือไม่มีส่วนร่วม ซึ่งหากเกิดแบบนี้เรื่อยๆ มันอาจจะทำให้เราหลงลืมไปว่า เราเป็นใคร และขาดความภาคภูมิใจในตัวเราจริงๆ”

จิตแพทย์อภิชาติยังยกตัวอย่างว่า ในหลายๆ ครั้งเราเห็นว่าคนในโซเชียลมีเดีย ได้รับความชื่นชอบจากการแสดงตัวตนของตัวเองออกมา และไม่ทำตามใคร มีชีวิตที่จริงใจ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ซึ่งการใช้ชีวิตแบบนี้ ก็อาจจะได้รับความชื่นชมมากกว่าก็ได้ 

ทั้งปัญหานี้ อาจทำให้เราต้องใช้วิจารณญาณมากขึ้น นพ.อภิชาติก็แนะนำว่า “ เพราะเราไม่รู้ว่าข้อมูลในโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องจริงไหม หรือต่อให้เป็นเรื่องจริง มันก็มีจุดประสงค์แอบแผงอะไรหรือเปล่า ในหลายกรณีมีมิจฉาชีพปนมา เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์จากคนทั่วไปด้วย ดังนั้นเราต้องมีวิจารณญาณ ใช้สติให้รอบคอบมากๆ ก่อนจะเชื่ออะไรให้เช็คให้ชัวร์ และไม่เอามาตรฐานคนอื่นๆ มาเป็นของชีวิตเรา ต้องตั้งเป้าตามเกณฑ์ มีความสุขของเราเอง เพราะถ้าเราเอามาเทียบ ใจเราเองก็จะเป็นทุกข์ และสิ่งอื่นที่คนประสบอย่างนั้นมา ซึ่งจริงไหมไม่รู้ มันก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตเราก็ได้”

“สำหรับคนที่มีปัญหา มีพฤติกรรมนี้อยู่ ร้อนใจว่าไม่มีไม่ได้ หรือถ้าไม่ทำ ไม่โพสต์แล้วจะรู้สึกไม่โอเค ก็อาจจะต้องตั้งสติกลับมาทบทวนกันอีกทีว่า เราอาจจะเป็นเหยื่อของการเสพโซเชียลที่เยอะเกินไป บางทีการทำ social detox หรือละเว้นการดูโซเชียลก็อาจจะเป็นวิธีที่ช่วยได้ กลับมามีความสุขกับตัวเอง ชีวิตในโลกของเราดีกว่า แล้วก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บางทีเราไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่ไม่ใช่ตัวเราก็ได้” จิตแพทย์เสนอ 


เมื่อการโพสต์อวดไลฟ์สไตล์ ยังสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย 

นอกจากการสะท้อนปัญหาสุขภาพจิตแล้ว ยังมีการศึกษาที่ชี้ว่า การปลอมไลฟ์สไตล์ในโซเชียลเหล่านี้ อาจเป็นการสะท้อนเรื่องของสถานะทางชนชั้นที่แตกต่าง หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย 

งานศึกษานี้เป็นของ เบลีย์ และแซนดร้า แมทซ์ รองศาสตราจารย์ด้านธุรกิจที่ Columbia Business School ที่ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ Facebook มากกว่า 10,000 คน พบว่าผู้ที่ให้คะแนนโปรไฟล์ของตัวเองว่าเป็นตัวแทนที่แท้จริงในระดับสูง ก็มีความพึงพอใจตัวเองในระดับสูงไปด้วยเช่นกัน ทั้งการโพสต์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ นั้น ยังเป็นสัญญาณที่คุณให้อาจบ่งบอกถึงสถานะของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจได้ด้วย 

โดยเบลีย์ ผู้วิจัยนั้นกล่าวว่า “มันสําคัญมากสําหรับผู้คนที่ส่งสัญญาณว่าพวกเขาอยู่ที่สถานะไหน และพวกเขายังต้องการส่งสัญญาณว่า ‘ฉันอยู่ในสถานะนี้’ แม้ว่าจริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ก็ตาม”

ซึ่งสิ่งนี้ก็เกิดจากโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เราเข้าถึงการแสดงวัตถุนิยมและเห็นความเหลื่อมล้ำแบบตลอด 24 ชั่วโมง ตามสิ่งที่เราตัดสินใจบริโภคและคนที่เราเลือกที่จะติดตาม

ที่มาข้อมูล : The wellness corner, สัมภาษณ์

ที่มารูปภาพ : Facebook

แท็กบทความ

ซื้อขายรูป
สุขภาพจิต
ชอบอวด
อวดไลฟ์สไตล์
โซเชียลมีเดีย