ฝรั่งเศสปล่อย “บอลลูนยักษ์” ลอยฟ้า หวนคืนบรรยากาศ “โอลิมปิก ปารีส 2024”

ฝรั่งเศสปล่อย “บอลลูนยักษ์” ลอยฟ้า หวนคืนบรรยากาศ “โอลิมปิก ปารีส 2024”

ฝรั่งเศสปล่อย “บอลลูนยักษ์” ที่เคยเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีสเมื่อปี 2024 ให้กลับมาโลดแล่นเหนือท้องฟ้าในกรุงปารีสอีกครั้ง บริเวณ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเทศกาลดนตรีประจำปีของเมือง

สรุปข่าว

ฝรั่งเศสได้นำ บอลลูนยักษ์ สัญลักษณ์ของโอลิมปิก 2024 กลับมาลอยเหนือพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในกรุงปารีสอีกครั้ง เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลดนตรีประจำปี และรำลึกถึงโอลิมปิกที่ผ่านมา --- บอลลูนนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร และโดดเด่นด้วยวงแหวนที่ดูเหมือนเปลวไฟ ซึ่งสร้างจากไฟ LED 40 ดวง ส่องผ่านม่านหมอกสังเคราะห์ที่เกิดจากหัวพ่นแรงดันสูง 200 หัว ทำให้เกิดภาพลวงตาคล้ายเปลวไฟ --- บอลลูนบรรจุฮีเลียม 6,200 ลูกบาศก์เมตร สามารถลอยสูงจากพื้น 30 เมตร การสร้างบอลลูนลมร้อนนี้เป็นการยกย่องการบินบอลลูนลมร้อนครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 1783 --- ทีมผู้พัฒนาได้ปรับปรุงบอลลูนให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้สามารถจัดแสดงได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปีในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปี จนถึงโอลิมปิกครั้งถัดไปที่ลอสแอนเจลิสในปี 2028

ถึงแม้โอลิมปิกฤดูร้อนปี 2024 อาจจะจบลงแล้ว แต่ทางการฝรั่งเศสหวังว่าชาวปารีสและนักท่องเที่ยวจะได้ "รำลึก" ความมหัศจรรย์ของปีที่แล้วอีกครั้ง เมื่อบอลลูนอันเป็นเอกลักษณ์ของโอลิมปิกกลับมา


บอลลูนยักษ์ลำนี้ มีเส้นผ่านศูนย์กลางหรือความกว้างของวงแหวนด้านล่างอยู่ที่ 7 เมตร และส่ิงที่เป็นจุดเด่นก็คือวงแหวนที่ดูเหมือนติดไฟ ซึ่งไม่ใช่การจุดไฟขึ้นมาจริง ๆ แต่เป็นการใช้ไฟ LED ส่องสว่างผ่านม่านหมอกสังเคราะห์ จนดูเหมือนกับวงแหวนไฟ ที่ทำให้บอลลูนลอยขึ้น 


บริษัทไฟฟ้า EDF ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดูแลและพัฒนาระบบไฟฟ้าให้กับบอลลูนดังกล่าว เผยว่าการทำงานของมัน พื้นฐานแล้วจะใช้การพ่นน้ำให้เกิดละอองและฉายลำแสงไปใส่ ทำให้เกิดภาพลวงตาของเปลวไฟ 


เปลวไฟนี้ใช้ไฟสปอตไลท์ LED มากถึง 40 ดวงเพื่อส่องสว่าง และยังใช้หัวพ่นแรงดันสูงมากถึง 200 หัวสำหรับสร้างหมอก ส่วนข้างใต้ของบอลลูนจะมีห้องเครื่องที่ซ่อนสายเคเบิลและคอมเพรสเซอร์ ส่วนตัวบอลลูนบรรจุฮีเลียม 6,200 ลูกบาศก์เมตร เพื่อยกทั้งหมดลอยขึ้นที่ความสูง 30 เมตรเหนือพื้นดิน

ส่วนสาเหตุที่ฝรั่งเศสสร้างหนึ่งในสัญลักษณ์ของโอลิมปิก ให้เป็นบอลลูนลมร้อน ก็เพื่อยกย่องเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเมือง กับการบินบอลลูนลมร้อนครั้งแรกที่ได้รับการบันทึกไว้ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1783


ส่วนในปัจจุบัน ทางทีมผู้พัฒนาระบุว่าบอลลูนยักษ์ได้รับการปรับปรุงและเสริมความแข็งแกร่งทางเทคนิค เพื่อให้สามารถลอยอยู่เหนือสถานที่จัดแสดงได้เป็นเวลาอย่างน้อยสามปี ในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปี จนกว่าจะถึงการแข่งขันโอลิมปิกครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2028

Thailand Web Stat