Google อาจกำลังเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มใช้ AI แทนการ “เสิร์ช” ค้นหาข้อมูล ?

Google อาจกำลังเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มใช้ AI แทนการ “เสิร์ช” ค้นหาข้อมูล ?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ “Google” กลายเป็นคำกริยาแทนการค้นหาข้อมูล เช่น “ค้นข้อมูลในกูเกิล” กลายเป็นวลีติดปากของผู้ใช้ทั่วโลก แต่ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้งานของผู้คน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และนั่นอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติที่บริการ "เสิร์ช" ค้นหาข้อมูลของ Google ไม่เคยเผชิญมาก่อน 

คนรุ่นใหม่ไม่อยาก “เสิร์ช” ค้นข้อมูลอีกต่อไป

ผลสำรวจของ Search Engine Land ในช่วงต้นปี 2025 พบว่าผู้ใช้ 61% ของผู้ใช้ Gen Z และ 53% ของกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y คนรุ่นใหม่เริ่มเบื่อกับการต้อง “พิมพ์คำค้นหา” แล้วไล่อ่านลิงก์มากมายเพื่อหาคำตอบที่ตรงใจ พวกเขาเริ่มหันไปใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง ChatGPT, Claude หรือ Perplexity ที่สามารถให้คำตอบสั้น กระชับ และเข้าใจง่ายในทันทีโดยไม่ต้องคลิกออกไปยังเว็บไซต์อื่น

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Reddit ก็กลายเป็นแหล่งค้นหาทางเลือก โดยเฉพาะในหมวดหมู่ “รีวิวสินค้า-สถานที่-อาหาร” ที่ข้อมูลมีลักษณะเป็นภาพหรือวิดีโอสั้น ดูเข้าใจง่ายและเป็นกันเองมากกว่า

สรุปข่าว

ข้อมูลจากหลายแหล่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลจากการใช้เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิม เช่น Google ไปสู่การใช้ AI และโซเชียลมีเดียที่สามารถให้คำตอบได้รวดเร็วและตรงประเด็นมากขึ้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ “Google” กลายเป็นคำกริยาแทนการค้นหาข้อมูล เช่น “ค้นข้อมูลในกูเกิล” กลายเป็นวลีติดปากของผู้ใช้ทั่วโลก แต่ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้งานของผู้คน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และนั่นอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติที่บริการ "เสิร์ช" ค้นหาข้อมูลของ Google ไม่เคยเผชิญมาก่อน 

คนรุ่นใหม่ไม่อยาก “เสิร์ช” ค้นข้อมูลอีกต่อไป

ผลสำรวจของ Search Engine Land ในช่วงต้นปี 2025 พบว่าผู้ใช้ 61% ของผู้ใช้ Gen Z และ 53% ของกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y คนรุ่นใหม่เริ่มเบื่อกับการต้อง “พิมพ์คำค้นหา” แล้วไล่อ่านลิงก์มากมายเพื่อหาคำตอบที่ตรงใจ พวกเขาเริ่มหันไปใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง ChatGPT, Claude หรือ Perplexity ที่สามารถให้คำตอบสั้น กระชับ และเข้าใจง่ายในทันทีโดยไม่ต้องคลิกออกไปยังเว็บไซต์อื่น

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Reddit ก็กลายเป็นแหล่งค้นหาทางเลือก โดยเฉพาะในหมวดหมู่ “รีวิวสินค้า-สถานที่-อาหาร” ที่ข้อมูลมีลักษณะเป็นภาพหรือวิดีโอสั้น ดูเข้าใจง่ายและเป็นกันเองมากกว่า

ส่วนแบ่งตลาด Google Search ลดต่ำกว่า 90% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

ปัจจุบันแม้ว่า กูเกิล (Google) ยังคงเป็นเสิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของโลก แต่สัญญาณเตือนเริ่มดังขึ้น เมื่อข้อมูลล่าสุดในปี 2024 ระบุว่าส่วนแบ่งการตลาดของ Google Search ลดลงเหลือ 89.73% หรือต่ำกว่า 90% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ สะท้อนว่าคู่แข่งเริ่มเข้ามาแย่งพื้นที่ได้จริง ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว โดยมีบริการค้นข้อมูลอื่น ๆ ตามมาในสัดส่วนที่น้อย เช่น Bing 3.97%, Yandex 2.56% และ Yahoo! 1.29%

ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อบริการ Google Search ย่อมส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัททั้งหมด เนื่องจากข้อมูลในปี 2024 ชี้ชัดว่า บริษัท อัลฟาเบต (Alphabet) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ยังคงพึ่งพารายได้หลักจากบริการค้นหา โดย Google Search และบริการที่เกี่ยวข้องมีสัดส่วนมากถึง 56.6% ของรายได้รวมทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระบบค้นหาในฐานะหัวใจหลักของธุรกิจ

ล่าสุด เอ็ดดี้ คิว (Eddy Cue) รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจบริการของแอปเปิล (Apple) เองยังออกมายอมรับว่า ปริมาณการค้นหาผ่านเว็บเบราว์เซอร์ Safari บน iPhone เริ่มลดลง และมีการพิจารณาเพิ่มตัวเลือก “การค้นหาด้วย AI” แทน Google ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการกระทบโดยตรงกับรายได้โฆษณาที่เป็นหัวใจของ Google

พฤติกรรมผู้ใช้งานกำลังเปลี่ยนไป

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การแข่งขันของเทคโนโลยี แต่คือ “การเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์” ในระดับโครงสร้างที่อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายทศวรรษ เมื่อการ “ค้นหา” แบบเดิมถูกแทนที่ด้วย “การได้รับคำตอบทันที” ผ่านปัญญาประดิษฐ์ AI และแพลตฟอร์มใหม่ ๆ 

ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานต้องการค้นหาบทสรุปงานวิจัยที่เข้าใจได้ยากพร้อมแหล่งอ้างอิง ก็สามารถได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที เทียบกับการค้นข้อมูลรูปแบบเดิมที่ต้องใช้เวลาในการค้นหาและสรุปเป็นชั่วโมง

คำถามคือ Google จะสามารถปรับตัวได้เร็วพอหรือไม่ ? 

เรื่องนี้ทาง Google เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ บริษัทได้ปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ Gemini AI และผสานพลังของปัญญาประดิษฐ์ AI เข้าในหลายบริการของ Google เช่น Gmail รวมถึงบริการค้นข้อมูล ด้วยการทดลองฟีเจอร์ Search Generative Experience (SGE) ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI สรุปคำตอบจากเว็บต่าง ๆ แสดงเป็นบล็อกบนหน้าค้นหา

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของผู้ให้บริการปัญญาประดิษฐ์ AI ในปี 2025 นั้นไม่ง่าย และเต็มไปด้วยความดุเดือด ดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า Gemini ของกูเกิล (Google) มีผู้ใช้งานประจำต่อเดือน (Monthly Active Users: MAU) ราว 350 ล้านคน และผู้ใช้งานประจำต่อวัน (DAU) ราว 35 ล้านคน 

แม้ตัวเลขของผู้ใช้งาน Gemini AI จะเป็นตัวเลขที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง และแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์ม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งหลักอย่าง ChatGPT ของ OpenAI ที่มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์กว่า 400 ล้านคน และรายวันกว่า 122 ล้านคน หรือ Meta AI ที่มีผู้ใช้งานรายเดือนสูงถึง 800 ล้านคน แล้ว Gemini ยังคงตามหลังอยู่พอสมควร โดยตัวเลขนี้ยังไม่รวมผู้ให้บริการรายอื่น ๆ เช่น Claude AI และ Bing AI ซึ่งคงต้องดูกันต่อไปว่าตำแหน่งของ Gemini AI จะเป็นอย่างไร ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด

แท็กบทความ