
“ดอว์น" (Dawn) เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทรงพลังที่สุดในสหราชอาณาจักร โดยตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) เพื่อใช้ขับเคลื่อนงานวิจัยล้ำสมัยในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ พลังงาน หรือสิ่งแวดล้อม ด้วยขุมพลังประมวลผลมหาศาลเทียบเท่ากับแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงถึง 65,000 เครื่อง
สรุปข่าว
“ดอว์น" (Dawn) เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทรงพลังที่สุดในสหราชอาณาจักร โดยตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) เพื่อใช้ขับเคลื่อนงานวิจัยล้ำสมัยในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ พลังงาน หรือสิ่งแวดล้อม ด้วยขุมพลังประมวลผลมหาศาลเทียบเท่ากับแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงถึง 65,000 เครื่อง
"ดอว์น" ถือกำเนิดขึ้นจากคำมั่นสัญญาของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในการประชุมสุดยอด AI Safety Summit เมื่อปี 2023 ที่จะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีพลังประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 30 เท่า และลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ของประเทศ
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันทรงพลังนี้ ซ่อนตัวอยู่ภายในตู้และสายไฟอันซับซ้อน ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ระดับสูง 1,000 หน่วย ที่เชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายความเร็วสูง และ GPU แต่ละตัวในดอว์น จะใช้พลังงานอยู่ที่ 750 วัตต์ ในขณะที่ดอว์นทั้งหมดใช้พลังงานที่ 1 เมกะวัตต์
ด้วยพลังประมวลผลระดับนี้ ดอว์น (Dawn) จึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จึงได้มีการสร้างห้องพิเศษภายในศูนย์ข้อมูล ในอุทยานวิจัยของเคมบริดจ์ พร้อมสายเคเบิลจ่ายไฟที่เสถียร เพื่อให้มั่นใจว่ามีพลังงานเพียงพอสำหรับหน่วยประมวลผลอยู่เสมอ รวมถึงระบบจัดการและระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด ที่ช่วยรักษาอุณหภูมิให้ทุกอย่างเย็นอยู่เสมอ
ปัจจุบันได้มีการใช้งาน ดอว์น (Dawn) โดยนักวิทยาศาสตร์ในเคมบริดจ์และทั่วสหราชอาณาจักร ในสาขาการวิจัยที่สำคัญ เช่น พลังงานสะอาด การแพทย์เฉพาะบุคคล และสภาพภูมิอากาศ และด้วยศักยภาพอันทรงพลังของ "ดอว์น" (Dawn) นี้เอง ที่เป็นเสมือนแสงแห่ง “รุ่งอรุณ” ตามชื่อของมันในภาษาอังกฤษ เพื่อนำทางนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ไปสู่การค้นพบและความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ที่จะนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลในหลากหลายมิติอย่างแท้จริง
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่แข็งแกร่ง เช่น "ดอว์น" จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์อย่างยั่งยืน