

สรุปข่าว
วันนี้ ( 27 ก.ค. 66 )อดีตนักบินเครื่องบินรบของกองทัพเรือ 2 นาย และอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองหนึ่งนาย เข้าให้การต่อคณะกรรมมาธิการควบคุมและตรวจสอบประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในวันพุธ (26 ก.ค.) เกี่ยวกับปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ (Unidentified Anomalous Phenomena) หรือยูเอพี (UAP) หรือที่เรียกกันก่อนหน้านี้ว่า “ยูเอฟโอ”
นาย เดวิด ฟราเวอร์ (David Fravor) อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือ ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ เขา และเพื่อน นักบินอีก 3 นาย เคยเห็น เคยพบวัตถุบินไม่ทราบ (ยูเอพี) ลักษณะรูปทรงไข่ขนาดใหญ่ลอยอยู่ใต้เครื่องบินรบของเขาระหว่างทำการบินอยู่นอกชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2004
ฟราเวอร์ ระบุว่าวัตถุบินดังกล่าวไม่มีใบพัด ปีกเครื่องบิน หรือท่อไอเสีย และได้บินเข้าใกล้เครื่องบินของเขา ก่อนจะหายไปและปรากฏอีกครั้งในไม่กี่วินาทีต่อมา โดยอยู่ห่างไปเกือบ 100 กิโลเมตร ซึ่งเขาได้นำเครื่องบินกลับไปยังเรือบรรทุกเครื่องบิน และแจ้งเพื่อนนักบินที่กำลังจะนำเครื่องขึ้นจนสามารถบันทึกวิดีโอไว้ได้ โดยเขาเชื่อว่าสิ่งที่พบนั้นมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าที่มนุษย์โลกมีไม่น้อยกว่า 10-20 ปี
ขณะที่ ไรอัน เกรฟส์ ( Ryan Graves) อดีตนักบิน F-18 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เปิดเผยเรื่องการพบเจอ UAP ระหว่างการฝึกว่า นักบินของกองทัพและนักบินพาณิชย์ต่างเห็นปรากฏการณ์เหล่านี้บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะรายงานเพราะกลัวถูกประเมินว่ามีปัญหาทางจิต
ซึ่งเหตุการณ์เกิดระหว่างภารกิจการฝึกของเครื่องบิน F-18 จำนวน2ลำซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเวอร์จิเนียบีชไป 10 ไมล์ เขาพบ วัตถุที่มีลักษณะเป็นลูกบาศก์สีเทาเข้มหรือสีดำภายในทรงกลมใส เข้ามาภายในระยะ 50 ฟุตของเครื่องบินนำ และคาดว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ถึง 15 ฟุต ทำให้ผู้บัญชาการภารกิจสั่งยุติการบินทันทีและกลับไปที่ฐาน และการเผชิญหน้าลักษณะเหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เกรฟส์ เตือนว่าหาก ปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ถึงความเกี่ยวข้องกับโดรนจากประเทศอื่นก็นับว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนต่อความมั่นคงของประเทศ แต่หากไม่ใช่ก็เข้าข่ายประเด็นทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งเป็นเรื่องของความปลอดภัยภัยด้านการบิน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความโปร่งใสมากขึ้น เกี่ยวกับยูเอพี พร้อมกับเตือนว่าวัตถุที่ไม่ปรากฏชื่อเหล่านี้ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
ด้านนายเดวิด กรัสช์ (David Grusch) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ซึ่งทำหน้าที่ผู้แทนของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในการสืบสวนเรื่อง UAP ยังให้การอ้างว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เพียงมี UFO ในครอบครองเท่านั้น แต่ยังมีชิ้นส่วน "ที่ไม่ใช่มนุษย์" ของนักบิน UFO ในครอบครองด้วย จากบริเวณจุดตกของวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุชนิดลำหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกจี้ถามในเรื่องนี้ นายกรัสช์ระบุว่า เขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่เป็นข้อมูลจากการบอกเล่าของคนอื่น
นอกจากนี้ เดวิด กรัสช์ ยังระบุว่า จนถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาได้นำทีมเจ้าหน้าที่เพนตากอนในการวิเคราะห์รายงานการพบเห็น UAP หลายต่อหลายครั้ง และได้รับแจ้งเกี่ยวกับโครงการของเพนตากอนที่มีมานานหลายทศวรรษ ซึ่งโครงการเหล่านี้ ‘อยู่เหนือการกำกับดูแลของรัฐสภา’ ซึ่งการออกมาเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลลับ และดำเนินโครงการอย่างโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม หลังการไต่สวนเสร็จสิ้นลง กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ เพนตากอน ได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลเหล่านี้ โดยระบุว่า การสอบสวนที่ผ่านมาไม่พบข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ว่ามีโครงการที่ถูกกล่าวอ้างอยู่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ปัจจุบันประเด็นยูเอพี หรือยูเอฟโอ ได้รับความสนใจมากขึ้น ไม่เพียงเฉพาะจากประชาชน แต่รวมถึงหน่วยงานภาครัฐของประเทศต่างๆ เนื่องจากความเสี่ยงต่างๆ ต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ
ด้าน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา (NASA) ได้เผยแพร่ภาพที่สร้างความตื่นเต้นให้นักวิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นเศษซากลึกลับบนดาวอังคาร ที่อาจเป็นยานอวกาศของเอเลียนสิ่งมีชีวิตนอกโลก ที่อาจที่พุ่งชนดาวอังคารก่อให้เกิดหินรูปร่างประหลาด
หินรูปร่างประหลาดที่เรียกความสนใจนี้ มีลักษะคล้ายกระดูกและมีสิ่งแหลม ๆ ยื่นออกมา นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ว่า มียานอวกาศของเอเลียนไปตกบนพื้นผิวของดาวสีแดงดวงนี้ ซึ่งนักวิจัยหลายคนที่เข้าร่วมการศึกษาใหม่ระบุว่า ไม่อาจมองข้ามความเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบชิ้นส่วนต่าง ๆ รวมถึงสิ่งที่ดูเหมือนเป็นล้อ เพลา และเศษซากอื่น ที่ถูกถ่ายภาพได้ในจุดสำรวจที่เรียกว่า "Gale Crater" บนดาวอังคาร
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังยึดถือความคิดที่ว่า การก่อตัวของหินรูปร่างประหลาด น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหวบนดาวอังคารมากที่สุด โดยเชื่อว่าส่วนที่ยื่นออกมาดูเหมือนสิ่งที่เรียกว่า "sand spike" บนโลก ที่ปรากฎบนโลกระหว่างเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7 ขึ้นไป
ข้อมูลจาก : รอยเตอร์
ภาพจาก : รอยเตอร์
ที่มาข้อมูล : -