TNN online สงครามปรมาณูเสี่ยงปะทุหรือไม่? หลังรัสเซีย-NATO เล็งประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์

TNN ONLINE

World

สงครามปรมาณูเสี่ยงปะทุหรือไม่? หลังรัสเซีย-NATO เล็งประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์

สงครามปรมาณูเสี่ยงปะทุหรือไม่? หลังรัสเซีย-NATO เล็งประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์

รัสเซียขู่จะประจำการอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง เพื่อตอบโต้ หาก NATO กลับมาประจำการอาวุธชนิดนี้ และระบุว่า รัสเซียขาดความไว้เนื้อเชื่อใจใน NATO แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน ต่อเรื่องการเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนติดยูเครน

ทำเนียบเครมลินระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวกับนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างสองผู้นำว่า ประเทศสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO กำลังคุกคามรัสเซีย ด้วยการขยายกิจกรรมทางการทหารในยูเครน


ทำเนียบเครมลินยังระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีปูตินได้ให้รายละเอียดของการประเมินของเขาต่อสถานการณ์ปัจจุบันรอบ ๆยูเครน ซึ่งเป็นการเน้นย้ำว่า มีการขยายกิจกรรมทางการทหารบนแผนดินของยูเครนโดย NATO จึงทำให้เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของรัสเซีย


ขณะที่ทำเนียบดาวน์นิ่ง สตรีท แถลงว่า นายจอห์นสัน ได้แสดงกังวลต่อนายปูตินเรื่องการเสริมกำลังทหารรัสเซียติดชายแดนยูเครน และเตือนนายปูตินว่า การกระทำใด ๆ ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อยูเครน จะเป็นความผิดพลาดเชิงยุทธศาสตร์ที่ตามมาด้วยผลครั้งใหญ่


นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังเน้นย้ำถึงพันธสัญญาที่สหราชอาณาจักรมีต่อบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของยูเครนด้วย และย้ำถึงความสำคัญของการทำงานผ่านช่องทางทางการทูตเพื่อลดความตึงเครียด


---ประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง---


เซอร์เก ไรอาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว RIA ว่า รัสเซียอาจจำเป็นต้องประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางในยุโรป เพื่อเป็นการตอบโต้ หากเห็นว่า NATO มีแผนที่จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน


ไรอาบคอฟ กล่าวว่า รัสเซียจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง หาก NATO ปฏิเสธที่จะช่วยกันป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลงเช่นกัน


คำกล่าวของไรอาบคอฟ มีขึ้นท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตก โดยรัสเซียเรียกร้องการรับประกันด้านความมั่นคงจากตะวันตก ขณะที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรเตือนรัสเซียว่า ให้ถอยกำลังทหาร ซึ่งถูกมองว่ารัสเซียกำลังเตรียมที่จะรุกรานอยู่เครน


ทั้งนี้ ยุโรปแบนอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางคือ INF ภายใต้สนธิสัญญาที่บรรลุกันในปี 1987 ระหว่างมิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำโซเวียดในยุคนั้น กับประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนของสหรัฐฯ ซึ่งในครั้งนั้น สนธิสัญญานี้ได้รับการยกย่องว่า ช่วยปลดความตึงเครียดของสงครามเย็นลง


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงนี้ในปี 2019 โดยอ้างว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว


---สูญสิ้นความเชื่อใจ NATO---


นายไรอาบคอฟ กล่าวว่า มีตัวชี้วัดทางอ้อมหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า NATO กำลังกลับมาประจำการอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางแล้ว รวมถึง การกลับมาฟื้นฟูกองบัญชาการทหารปืนใหญ่ที่ 56 ซึ่งเป็นหน่วยที่ดูแลขีปนาวุธเพอร์ชิ่ง ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ในช่วงสงครามเย็น


ไรอาปคอฟ ยังกล่าวว่า การขาดความก้าวหน้าในการหาทางออกทางการทูตและการเมืองจะนำไปสู่การตอบโต้ของรัสเซียตามธรรมชาติทางการทหารและทางเทคนิก นั่นก็คือ จะมีการเผชิญหน้า ดังนั้น รัสเซียจึงเรียกร้องนาโต้และสหรัฐฯ ร่วมยุติการกระทำดังกล่าว


แม้ NATO ยืนยันว่า จะไม่มีการประจำการขีปนาวุธของสหรัฐฯตัวใหม่ในยุโรป และ NATO ก็พร้อมที่จะยับยั้งขีปนาวุธตัวใหม่ของรัสเซียเช่นกัน ด้วยการตอบโต้ที่ด้วยอาวุธปกติทั่วไป


อย่างไรก็ตาม นายไรอาบคอฟ กล่าวว่า รัสเซียขาดความเชื่อใจใน NATO ไปแล้ว


---ท่าทียุโรป---


สำนักข่าว Reuters รายงานว่า สหภาพยุโรปหรือ EU กำลังหารือ ถึงความเป็นไปได้ในการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่ต่อรัสเซีย ร่วมกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาตจักร แต่ยังไม่สามารถบรรลุการตัดสินใจใด ๆ ได้


ก่อนหน้านี้ EU และสหรัฐฯ ได้ร่วมกันคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2014 โดยพุ่งเป้าไปยังภาคพลังงาน การธนาคาร และกลาโหม ขณะที่ตอนนี้กำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติม หากรัสเซียพยายามที่จะรุกรานยูเครน


นายโจเซฟ บอร์เรล รัฐมนตรีต่างประเทศของอียูกล่าวว่า EU อยู่ใน “ภาวะป้องปราม” และจะส่งสัญญาณชัดเจนว่า การรุกรานยูเครน จะต้องมีราคาแพงสำหรับรัสเซีย ขณะนี้ EU กำลังศึกษากับสหรัฐฯ และสราชอาณาจักรว่า มาตรการคว่ำบาตรจะมีอะไรบ้าง และใช้เมื่อไหร่ อย่างไร อย่างสอดคล้องกัน


ท่าทีของยุโรปมีขึ้นท่ามกลางความกังวลว่ารัสเซียจะโจมตียูเครนและหนุนหลังกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในทางตะวันออกของยูเครน ให้ต่อสู้ต้านกองทัพของยูเครน แต่รัสเซีย ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะบุกยูเครน และยังกล่าวหายูเครนว่าประจำการทหารครึ่งหนึ่งของกองทัพในการสู้รบกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน


ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของลิธัวเนียกล่าวว่า “เราเชื่อว่ารัสเซียกำลังเตรียมที่จะทำสงครามเต็มรูปแบบต่อยูเครน และจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้มาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง


ทั้งนี้ บรรดานักการทูตของ EU กล่าวกับ Reuters ว่า การหารือเรื่องการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มนั้น มีตั้งแต่ การแบนการเดินทางและอายัดทรัพย์สินของนักการเมืองรัสเซีย ไปจนถึงการแบนสถาบันการเงินและธนาคารที่มีการทำธุรกรรมกับรัสเซีย ตลอดจนการคว่ำบาตรท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 ระหว่างรัสเซียและเยอรมนี ก็อยู่ในการหารือเช่นกัน


เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ เตือนรัสเซียว่า พันธมิตรกองทัพชาติตะวันตกอยู่เคียงข้างยูเครน และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 ได้เตือนเช่นกันว่า รัสเซียจะเจอผลที่ตามมาอย่างสาสมหากโจมตียูเครน

—————

แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง

ภาพ: Dimitar DILKOFF / AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง