TNN online เจาะกลยุทธ์นิวเคลียร์จีน เป้าหมายไม่ใช่ไล่ตาม แต่แซงหน้าสหรัฐฯ

TNN ONLINE

World

เจาะกลยุทธ์นิวเคลียร์จีน เป้าหมายไม่ใช่ไล่ตาม แต่แซงหน้าสหรัฐฯ

เจาะกลยุทธ์นิวเคลียร์จีน เป้าหมายไม่ใช่ไล่ตาม แต่แซงหน้าสหรัฐฯ

หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่งระบุว่า จีนกำลังขยายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์รวดเร็วกว่าที่สหรัฐฯ เคยประเมินไว้ จีนก็ออกมาตอบโต้ว่ารายงานของเพนตากอน เต็มไปด้วยอคติ นักวิเคราะห์มองว่า จีนเริ่มขยายคลังอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อรับมือกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ และไม่ได้เพียงแค่ไล่ตามให้ทัดเทียม แต่หวังแซงหน้าสหรัฐฯ เลยทีเดียว

เพนตากอนเพิ่งรายงานต่อสภาคองเกรสว่า จีนกำลังขยายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์อย่างรวดเร็วเกินกว่าที่สหรัฐฯ คาดการณ์ไว้ และมีแผนจะเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์อีก 4 เท่า และยังสร้างไซโลใต้ดินนับร้อยเพื่อเก็บขีปนาวุธข้ามทวีปด้วย


จุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างเขี้ยวเล็บให้แก่กองทัพจีน ให้สามารถ "สู้รบและเอาชนะสงคราม" เหนือสหรัฐฯ ได้


รายงานล่าสุดของเพนตากอนคาดการณ์ว่า จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 700 หัวรบภายใน 6 ปีข้างหน้า และอาจเพิ่มทะลุ 1,000 หัวรบภายในปี 2030 นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า จากที่เพนตากอนเคยประเมินไว้เพียงเมื่อ 1 ปีก่อน ว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ในระดับต่ำประมาณ 200 หัวรบ และจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในสิ้นทศวรรษนี้


◾◾◾

🔴 สร้างไซโลใต้ดินหลายร้อย


พร้อมกับยืนยันว่าจีนได้เริ่มการก่อสร้างลานเก็บขีปนาวุธใต้ดินแห่งใหม่ อย่างน้อย 3 แห่ง และสร้างไซโลใต้ดินนับร้อย ๆ แห่งข้างใต้ลานเหล่านี้ เพื่อเก็บขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM และจะสามารถยิง ICBM ออกไปจากไซโลที่อยู่ใต้ดินเหล่านี้ได้โดยตรง


รายงานใหม่ของเพนตากอนยังระบุด้วยว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน หรือ PLA พยายามพัฒนาขีดความสามารถ และมีแนวคิดเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพจีนมากขึ้น เพื่อท้าทายสหรัฐฯ ในการทำสงครามในทุก ๆ ทาง ตั้งแต่ทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ทางอวกาศ รวมไปถึงสงครามไซเบอร์สเปซด้วย โดยมีจุดประสงค์ให้กองทัพจีน สามารถ “สู้รบและเอาชนะในสงคราม” เหนือ “ศัตรูที่เข้มแข็ง” ซึ่งคาดว่าหมายถึงสหรัฐฯ


และระบุด้วยว่า การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพ ส่งให้จีนมีศักยภาพมากขึ้นในการข่มขู่คุกคามไต้หวัน ในขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ แสดงความกังวลเพิ่มขึ้น เกี่ยวกับความตั้งใจของจีน ในส่วนที่เกี่ยวกับสถานะของไต้หวันด้วย


◾◾◾

🔴 ปฏิกิริยาจากจีนเป็นอย่างไร


หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ได้ออกมาโต้ว่ารายงานของเพนตากอนดังกล่าว “เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง และเต็มไปด้วยอคติ” มีเป้าหมายเพื่อยุแหย่ให้ผู้คนเชื่อถึงทฤษฎีภัยคุกคามนิวเคลียร์ของจีน


ยืนยันว่า จีนยังคงยึดมั่นในการรักษาคลังแสงนิวเคลียร์ไว้ใน “ระดับต่ำที่สุดเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ” เท่านั้น และจีนมีนโยบาย “no first use” หรือ "ไม่ใช้ก่อน" พร้อมกับย้ำว่าไม่มีประเทศใดจะถูกคุกคามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของจีน และระบุว่า ประเทศที่เป็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก ก็คือสหรัฐฯ เอง


ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด 3,750 หัวรบ และไม่มีแผนที่จะเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์ โดยสหรัฐฯ ได้ลดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ลง จากที่เคยมีมากถึงประมาณ 10,000 หัวรบในปี 2003


◾◾◾

🔴 ความเห็นจากนักวิเคราะห์


นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมของจีน ระบุว่า จีนกำลังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์แบบยิงจากเรือดำน้ำและขีปนาวุธภาคพื้นดินให้มากขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ


จ้าว ถง เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์นโยบายสากลคาร์เนกี-ชิงฮวาในกรุงปักกิ่ง ระบุว่าจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่จีนยังมีอยู่นั้นยังต่ำกว่าสหรัฐฯ มาก และจีนกำลังสร้างกองเรือดำน้ำเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ


จากรายงานดังกล่าว เราสามารถเห็นแนวโน้มใหม่ในกลยุทธ์นิวเคลียร์ของจีน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา ICBM แบบยิงจากเรือดำน้ำและยิงจากภาคพื้นดินมาก และชี้ให้เห็นถึงความสามารถด้านนิวเคลียร์ของกองทัพเรือจีนที่กำลังไล่ตามคู่แข่งอย่างสหรัฐฯและรัสเซีย


นอกจากนี้ จีนพบว่าการรักษาหัวรบนิวเคลียร์เพียงจำนวนน้อยไม่เพียงพอต่อการรับมือกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ ดังนั้น จึงเริ่มขยายคลังอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการรับมือ


◾◾◾

🔴 จีนยังพัฒนา


ซ่ง จงผิง อดีตผู้ฝึกสอนกองกำลังจรวดของ PLA ระบุว่า จีนกำลังพยายามพัฒนาอาวุธยุทธศาสตร์ทุกประเภท นอกเหนือจากนิวเคลียร์แล้ว ยังมีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ความเร็วเหนือเสียง และอาวุธพลังงานสูงอื่นๆ


สหรัฐฯ เริ่มรู้สึกวิตกเกี่ยวกับแสนยาสุภาพด้านนิวเคลียร์ของจีนมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ หลังจาก Financial Times รายงานว่า จีนได้ยิงทดสอบขีปนาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง และสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ ขึ้นไปโคจรรอบโลก ทำให้ขีปนาวุธของจีนสามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ได้


แต่จีนได้ออกมาปฏิเสธไปแล้วว่า ไม่ใช่การทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง แต่เป็นเพียงการทดสอบ นำยานอวกาศที่นำกลับมาใช้ซ้ำตามปกติ และไม่เกี่ยวข้องกับการทหารแต่อย่างใด


ขณะเดียวกันสถาบันคลังสมองของจีน เปิดเผยว่า สหรัฐฯได้เพิ่มปฏิบัติการทางทหารในน่านน้ำทะเลจีนใต้มากขึ้นในปีนี้ พบว่า กองทัพสหรัฐฯ บินลาดตระเวน 152 เที่ยวบินเหนือทะเลจีนใต้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา


และตั้งแต่ต้นปี มีการบินลาดตระเวนของสหรัฐฯมากกว่า 500 เที่ยว และหากรวมกับการบินเหนือทะเลเหลืองและทะเลจีนตะวันออกแล้ว จะมีมากกว่า 2,000 เที่ยวบินเลยทีเดียว เทียบกับปีที่แล้วที่ราว 1,000 เที่ยวเท่านั้น

—————
เรื่อง: เสาวณีย์ พิสิฐานุสรณ์ และ สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ: GREG BAKER / AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง