จีนรุกหนักการทหารและการทูต ซ้อมรบใหญ่ ควบส่ง 'หวัง อี้' เยือนอาเซียน

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศและมนตรีแห่งรัฐของจีน กำลังเดินสายเยือนชาติสมาชิกอาเซียนสามประเทศคือ เวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปรฺ และจะปิดท้ายการเยือนที่เกาหลีใต้

The Global Times รายงานผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จีนต้องเพิ่มความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและการค้า เสริมไปจากการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมืองซึ่งกันและกัน และการมีวิสัยทัศน์เรื่องภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงทั่วภูมิภาคร่วมกัน

การเยือนของนายหวัง มีขึ้นสองสัปดาห์หลังนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีบดีสหรัฐฯเยือนอาเซียนเช่นกันเพื่อแสวงหาความร่วมมือกับชาติอาเซียนในการต่อต้านจีน

ป้องกันการแทรกแซงจากอิทธิพลนอก

การเดินทางของนายหวังมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนและประเทศเพื่อนบ้านจะทำงานเป็นหุ้นส่วนกันในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและปกป้องการแทรกแซงและการยั่วยุจากภายนอกภูมิภาค

สำหรับ 4 ประเทศที่นายหวังเยือนนั้น เวียดนามและสิงคโปร์เป็นสองชาติที่นางแฮร์ริสไปเยือนในเดือนสิงหาคม ส่วนเกาหลีใต้และกัมพูชานั้น เวนดี้ เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯไปเยือนในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม

ทั้งนี้ จีนและอาเซียนสถาปนาความสัมพันธ์ครบรอบ 30 ปี การเยือนของนายหวังตามคำเชิญของสี่ชาตินั้น สะท้อนความมุ่งมั่นของจีนและอาเซียนที่จะสร้างประชาคมร่วมที่มีอนาคตร่วมกัน และไปสู่ความรุ่งเรืองร่วม

นายหวังกล่าวขณะเยือนเวียดนามว่า จีนและเวียดนามควรพอใจกับสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ รวมถึงหารือประเด็นนี้ในท่าทีที่เหมาะสม โดยเลี่ยงการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียวที่อาจทำให้สถานการณ์ซับซ้อนหรือแย่ลง และให้ระมัดระวังการแทรกแซงและการยั่วยุจากกองกำลังภายนอก

จอมทัพราว 200 นายรวมตัวกัน

The South China Morning Post รายงานว่าผู้บัญชาการทหารอาวุโสเกือบ 200 นาย จากกองบัญชาการสำคัญต่าง ๆ ทั้งในซินเจียง ทิเบต และจากกรุงปักกิ่ง ได้รวมตัวกันที่ฐานฝึกจูริเหอ ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในของจีน เพื่อดำเนินการซ้อมรบ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

การรวมตัวกันของผู้บัญชาการทหารจำนวนมากขนาดนี้ ไม่เกิดขึ้นบ่อยหนัก โดยรัฐบาลจีนชี้ว่า วัตถุประสงค์ของการซ้อมรบครั้งนี้ เพื่อยกระดับการเตรียมความพร้อม และทำให้กองทัพมีความทันสมัยมากขึ้น

กองทัพน้ำเงิน คืออะไร?

ฐานฝึกจูริเหอ ได้รับสมญานามว่า เป็นฐานทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเอเชีย ขณะที่การรวมตัวกันของผู้บัญชาการทหารที่มากขนาดนี้ คือเมื่อปี 2018 กับการซ้อมรบนอกเมืองคู่เอ๋อเล่อ หรือคอร์ลา ในซินเจียง

การซ้อมรบครั้งนี้มีความน่าสนใจที่ เป็นการซ้อมรบเพื่อขจัดข้อบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์ จากที่เคยดำเนินการซ้อมรบกับ “กองทัพน้ำเงิน” หรือ บลูอาร์มี ซึ่งเป็นกองกำลังที่จัดตั้งขึ้น และใช้ระบบสั่งการและยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่กองทัพสหรัฐฯ และ NATO ใช้กัน

บลูอาร์มี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 และซ้อมรบกับ “กองทัพแดง” (ฝ่ายจีน) จากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศมาโดยตลอด

ถัง เฟย ผู้อำนวยการกองบัญชาการฝึกซ้อมของจีน บอกกับสถานีข่าว CCTV ว่า “วัตถุประสงค์หลักของการซ้อมรบขนาดใหญ่ คือ การเตรียมความพร้อมต่อสู้เสมือนจริง และสร้างมาตรฐานการฝึกซ้อมอย่างเป็นระบบสำหรับยุคสมัยใหม่”

กองทัพแดนมังกรเกรียงไกรภายในปี 2050

ประเทศจีนหวังจะเป็นมหาอำนาจทางการทหารระดับโลกภายในปี 2050 ตามคำบัญชาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เรียกร้องให้ยกระดับการซ้อมรบให้ทันสมัย เพราะเป็น “การเตรียมความพร้อมในทางทหารที่ตรงจุดที่สุด”

สี จิ้นผิง ยังเรียกร้องให้กองทัพวางยุทธศาสตร์ทางการทหารให้ดีขึ้น และใช้การออกแบบทางการทหาร เพื่อยกเครื่องการซ้อมรบของกองทัพ ให้สนองตอบการทำศึกในสถานการณ์จริงได้อย่างตรงจุด

กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้ซ้อมรบใหญ่ในภูมิภาคมากกว่า 100 ครั้ง นับแต่ปี 2016 และการรวมตัวกันของจอมทัพจีนนับร้อยคน เป็นเครื่องตอบย้ำว่า จีนเอาจริงเอาจังกับการยกระดับกองทัพสู่ระดับโลก