ดาวโจนส์บวกรับเฟดผ่อนคลายการเงิน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดาวโจนส์ ปิดบวก 15.66 จุด รับเฟดเดินหน้าผ่อนคลายการเงิน
วันนี้ (24 ก.พ. 64) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,537.35 จุด เพิ่มขึ้น 15.66 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,881.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,465.20 จุด ลดลง 67.85 จุด หรือ -0.50%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานของเฟด และมีแนวโน้มว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้น
ในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาฯเมื่อคืนนี้ นายพาวเวลย้ำว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ และสร้างความมั่นใจว่าการฟื้นตัวจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดต่ำลง และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในวงกว้าง ได้สร้างความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 1.61% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.38% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.26% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.43% หุ้นอาปาเช คอร์ปอเรชัน ทะยานขึ้น 3.51%
หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 2.12% ขานรับข่าวเฟซบุ๊กบรรลุข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลออสเตรเลียแล้วเมื่อวานนี้ โดยจะยินยอมให้เพจข่าวสารต่างๆของออสเตรเลียสามารถเผยแพร่ข่าวสารในประเทศได้อีกครั้ง หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียยอมเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางอย่างในกฎหมาย Media Code ซึ่งรวมถึงการให้เวลาเฟซบุ๊กในการเจรจากับบรรดาสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่นเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนที่จะให้คณะอนุญาโตตุลาการของรัฐบาลออสเตรเลียเข้ามาเป็นตัวกลางในการตัดสินเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าคอนเทนต์
หุ้นเมซีส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.93% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 80 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงถูกเทขายอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 1.49% หุ้น Zoom Video Communications ดิ่งลง 1.57% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.53% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.11%
หุ้นเทสลา ร่วงลง 2.19% หลังจากราคาบิตคอยน์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทเทสลาของนายอีลอน มัสก์อาจเผชิญกับการขาดทุน หลังจากที่เทสลาเพิ่งลงทุนในบิตคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และบริษัทประกาศรับบิตคอยน์จากลูกค้าสำหรับการซื้อรถยนต์และผลิตภัณฑ์ของเทสลา
การร่วงลงของราคาบิตคอยน์ยังส่งผลให้หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลงด้วย โดยหุ้น Riot Blockchain ดิ่งลง 24.64% หุ้น Marathon Patent ร่วงลง 23.04 % หุ้น Silvergate Capital ร่วงลง 20.08%
นักลงทุนยังคงจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 19 ต่อ 16 อนุมัติร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการสร้างความคืบหน้าให้กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ไบเดน และเป็นการปูทางให้มาตรการฉบับนี้ถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะในสัปดาห์นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี โดยราคาบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน, สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 91.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 88.9 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 90.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นดีดตัวขึ้น หลังมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.