ไซโคลนอำพันดุซ้ำเติมโควิด ยอดดับพุ่งเกือบ 100

ยอดผู้เสียชีวิตจากไซโคลนอำพันในอินเดียและบังคลาเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 95 คน ด้านยูเอ็นระบุมีปชช.เดือดร้อนราว 10 ล้านคน

วันนี้ ( 22 พ.ค. 63 )ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไซโคลนอำพันถล่มอินเดียและบังคลาเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 95 คน โดย 72 คนเสียชีวิตในอินเดีย และอีก 23 คนในบังคลาเทศ

ด้านสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประเมินว่า มีประชาชน 10 ล้านคนได้รับความเดือดร้อนจากไซโคลนอำพัน โดยมี 500,000 คนต้องสูญเสียบ้านไปกับพายุ

ด้านรัฐบาลบังคลาเทศระบุว่า มีบ้านเรือนมากกว่า 55,000 หลังทั่วบังคลาเทศ พังถล่ม หมู่บ้านชายทะเลถูกน้ำท่วมจากกำแพงคลื่นทะเลซัดฝั่ง หรือสตอร์มเซิร์จ ทำให้ฟาร์มกุ้งพังพินาศ บ้านเรือนพังถล่มราบเป็นหน้ากลอง หลังคาบ้านหลุดปลิวเพราะแรงพายุ ต้นไม้ใหญ่และเสาไฟฟ้าหักโค่น จำนวนมาก ประชาชนอย่างน้อย 10 ล้านคนไฟฟ้ายังคงดับเมื่อวานนี้ และน้ำท่วมยังไม่ลดระดับลง

ส่วนที่อินเดีย นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย จะลงพื้นที่ประสบภัยในวันนี้ เพื่อสำรวจความเสียหายด้วยตัวเอง ในรัฐเวสต์ เบงกอลและรัฐโอดิชา ซึ่งเป็น 2 รัฐที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดในอินเดีย ส่วนในเมืองกัลกัตตา เมืองเอกของเวสต์ เบงกอล สภาพล่าสุดยังจมบาดาล โดยน้ำยังคงท่วมถนนทั่วเมือง และไฟฟ้ายังดับในหลายส่วนของกัลกัตตา

อย่างไรก็ตาม อินเดียและบังคลาเทศได้เริ่มเก็บกวาดซากความเสียหายแล้วเมื่อวานนี้ หลังพายุเข้าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

การที่ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิง ทำให้เกิดความเสี่ยงที่โควิด19 จะระบาดในศูนย์พักพิงได้ โดยทั้งอินเดียและบังคลาเทศต่างมีการระบาดของโควิด19 อยู่

นอกจากนี้ แหล่งน้ำสะอาดอาจสกปรกจากการปนเปื้อนหลังจากพายุเข้า ทำให้การล้างมือ และมาตรการด้านสุขอนามัยอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด19 ทำให้ยากขึ้น

ทั้งนี้ ไซโคลนอำพัน ซึ่งได้อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชั่นเขตร้อนแล้ว ได้พัดถล่มบังคลาเทศและอินเดียเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ยังเป็นซูเปอร์ไซโคลนอยู่ เป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดที่พัดถล่มทั้ง 2 ประเทศในรอบกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ทำให้ต้องอพยพประชาชน 3 ล้าน 5 แสนคนใน 2 ประเทศ เกิดฝนตกและน้ำท่วมหนัก ดินถล่ม และเกิดความเสียหายอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุอำพันในครั้งนี้ นับว่ายังน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับซูเปอร์ไซโคลนก่อนหน้านี้เมื่อปี 2542 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คนในอินเดีย โดยสาเหตุที่สามารถป้องกันชีวิตประชาชนได้ เนื่องจากมีการอพยพประชาชนล่วงหน้านับล้านคนในทั้ง 2 ประเทศ