จากด่าเป็นชม!นายกฯออสซี่ พลิกได้ศรัทธาปชช.หลังรับมือโควิด-19 เยี่ยม

วันนี้ ( 20 พ.ค. 63 )ในช่วงปลายปีที่แล้ว ออสเตรเลียเผชิญวิกฤตไฟป่าขนาดใหญ่ต่อเนื่องหลายเดือน ในขณะที่นายมอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี เผชิญกระแสความไม่พอใจจากประชาชน ที่เขารับมือได้ไม่ดีพอ มิหนำซ้ำ ยังมีข่าวรั่วว่าเขาแอบเดินทางไปเที่ยวฮาวายกับครอบครัว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากกำลังไร้ที่อยู่เพราะไฟป่าที่เผาผลาญ จนทำให้เขาต้องรีบกลับประเทศมาทันทีเพื่อขอโทษประชาชน

ปฏิกิริยาต่อต้านเขา มีทั้งตะโกนด่าออกโทรทัศน์ขณะที่เขาลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์ ขณะที่บรรดานักดับเพลิงก็ไม่ยอมจับมือทักทายผู้นำประเทศด้วย

แต่ภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้คือ วัยรุ่นออสเตรเลียร้องเพลงชื่นชมนายมอร์ริสันในแอปพลิเคชั่นติ๊กตอก และเขายังได้รับคะแนนนิยมพุ่งขึ้นไปที่ 66% ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำออสเตรเลียที่ได้ความนิยมสูงสุดในรอบหนึ่งทศวรรษเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ราว 7000 รายและเสียชีวิตราว 100 ราย ขณะที่เหลือคนไข้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และตอนนี้ออสเตรเลีบได้เข้าสู่การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และพร้อมที่จะเปิดพรมแดนกับนิวซีแลนด์ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย

มอร์ริสันพลิกวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างไร สำนักข่าวบีบีซีวิเคราะห์ว่ามีหลายปัจจัยคือ

1.  การเชื่อฟังผู้เชี่ยวชาญ

นายมอร์ริสันฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและสั่งการทันที หากติดตามการแถลงข่าวของนายมอร์ริสัน จะเห็นชายคนหนึ่งอยู่ข้างกายนายมอร์ริสัน แบบเว้นระยะห่าง 1.5 เมตรตลอดเวลา เขาคือ ดร. เบรนดัน เมอร์ฟีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้ผู้นำออสเตรเลียรีบปิดพรมแดนกับทันที ทั้งๆที่ตอนนั้นองค์การอนามัยโลกยังยืนยัน ยังไม่จำเป็นการต้องมาตรการจำกัดการเดินทาง

นอกจากนี้ รัฐบาลออสเตรเลีย ยังประกาศให้สถานการณ์โรคระบาดก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะประกาศด้วย

ดร. โทนี บาร์โทน ประธานสมาคมการแพทย์แห่งออสเตรเลียระบุว่า ผู้นำจำเป็นต้องฟังผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหากอยู่ในวิกฤตสาธารณสุข แม้การเชื่อฟังอาจนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลก็ตาม เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องมีผู้นำที่หนักแน่นและเข้มแข็ง ที่พร้อมจะรับฟังแต่เนิ่นๆและฟังทั้งหมด

ขณะเดียวกัน เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นายมอร์ริสันได้สั่งการทันที ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากผู้นำรัฐใหญ่ๆของประแทศด้วย เมื่อมีผู้ติดเชื้อถึงหนึ่งพันคน จึงมีการสั่งปิดบาร์ ผับทันที และแบนการรวมกลุ่มขนาดใหญ่

ดร. บาร์โทน ระบุว่า นายมอร์ริสันหนักแน่นมาก แม้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจมาก เขาไม่ไขว้เขวเหมือนผู้นำสหรัฐฯและอังกฤษ และยังรับฟังหลักการทางวิทยาศาสตร์ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาถูกด่ามาจากที่ไม่ยอมรับฟังนักวิทยาศาสตร์ในช่วงที่เกิดไฟป่า

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า กรณีของไฟป่านั้น มีปัจจัยทางการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะพรรคอนุรักษ์นิยมของนายนายมอร์ริสันนั้นไม่ให้น้ำหนักกับนโยบายแก้ปัญหาโลกร้อนมานานแล้ว โดยนักวิทยาศาสตร์และนักดับเพลิงได้เตือนรัฐบาลมาตลอด แต่ถูกเพิกเฉย แต่เรื่องโรคระบาด นั้นเป็นอีกกรณี ประกอบกับออสเตรเลียมีระบบสาธารณสุขที่ดี จึงทำให้รัฐบาลรับมือได้ และไม่มีใครกล่าวหารัฐบาลว่าไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์นี้