สำหรับคนญี่ปุ่น ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ไม่ได้เป็นแค่ร้านสะดวกซื้อ แต่มีความสำคัญต่อความมั่นคงและเป็นสมบัติของชาติที่ต้องปกป้อง
เซเว่นไม่ได้เป็นแค่ร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นเรื่องความมั่นคงของญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเพิ่งจัดบริษัท Seven & i ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของเครือข่ายร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในญี่ปุ่น ให้อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เป็นแกนหลักเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ
ร่วมกับธุรกิจด้านอื่นๆ อย่างธุรกิจพลังงาน การสำรวจอวกาศ และการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งที่ญี่ปุ่นเพิ่งมีการจัดให้ธุรกิจของบริษัท 88 แห่ง เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทที่เป็นแกนหลักเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ และมีบริษัท Seven & i รวมอยู่ด้วย
การถูกจัดให้เป็นบริษัทที่เป็นแกนหลักเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ หมายความว่าหากมีบริษัทต่างชาติ ต้องการที่จะซื้อหุ้นเป็นจำนวน 1% หรือมากกว่านั้นของบริษัทนั้น จะต้องยื่นเรื่องให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาก่อน
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมบริษัท Seven & i ที่ทำธุรกิจด้านร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น จึงถูกจัดให้มีความสำคัญในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ นั่นเป็นเพราะนอกจากร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น จะมีสาขาอยู่มากกว่า 80,000 แห่ง ใน 20 ประเทศทั่วโลก บริษัทยังทำธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอีกหลายอย่าง เช่น ธุรกิจด้านการเงิน และการให้เช่าตึกทำการค้า
นอกจากนี้ สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เซเว่น อีเลฟเว่น ไม่ได้เป็นแค่เครือข่ายร้านสะดวกซื้อ แต่ถือว่าเป็นสมบัติของชาติที่คนญี่ปุ่นภาคภูมิใจ เพราะเป็นร้านค้าที่สะอาด พนักงานสุภาพ การจัดการดีเยี่ยม หาซื้อของได้ทุกอย่าง เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง จนกลายเป็นร้านที่คนญี่ปุ่นต้องเข้าทุกวัน กลายเป็นวิถีชีวิตประจำวัน คนญี่ปุ่นจึงไม่อยากเห็นร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กลายเป็นของคนต่างชาติ
ฮิโรกิ วาตานาเบะ นักวิเคราะห์ธุรกิจของญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ The New York Times ว่า การขายเซเว่น อีเลฟเว่น ให้บริษัทต่างชาติ ไม่ต่างอะไรจากการที่โตโยต้า ถูกขายให้บริษัทต่างชาติ ซึ่งจะกระทบต่อความรู้สึกชาวญี่ปุ่นอย่างมาก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Seven & i เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทอาลีมอตาซิยง คูซ-ตาร์ ของแคนาดา ที่เป็นเจ้าของเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่มีชื่อว่า Circle K ที่มีสาขาอยู่เกือบ 17,000 แห่ง ใน 31 ประเทศ ที่ได้เสนอซื้อหุ้นของของบริษัท Seven & i รวมมูลค่ากว่า 38,700 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท เพื่อควบรวมกิจการ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อย ที่เราจะได้เห็นบริษัทต่างชาติมาขอซื้อบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เพราะปกติแล้ว จะมีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ไปกว้านซื้อบริษัทของต่างชาติมาเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัท Seven & i ได้ปฏิเสธไม่รับข้อเสนอดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นข้อเสนอที่ฉวยโอกาสและจะทำให้ผู้ถือหุ้นเสียผลประโยชน์ รวมทั้งมีความเสี่ยงที่จะเจอกับปัญหาด้านกฎหมายในภายหลัง ซึ่งทางบริษัท Seven & i ยืนยันว่าการที่บริษัทปฏิเสธข้อเสนอนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ทางบริษัทถูกจัดให้เป็นบริษัทที่มีธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเรื่องความมั่นคงของชาติ
ทางบริษัท Seven & i ก็ไม่ได้ปิดโอกาสการเจรจากันแบบ 100% โดยบอกว่าอาจพิจารณาข้อเสนอใหม่ หากมีการให้ราคาที่ดีกว่านี้ ซึ่งหากการเจรจาซื้อกิจการประสบความสำเร็จจะถือว่าเป็นการซื้อกิจการของบริษัทญี่ปุ่น โดยบริษัทต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องการเสนอราคาแล้ว การที่ต่างชาติต้องการจะซื้อบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ที่มีคุณค่าทั้งในเชิงมูลค่า และความรู้สึกทางจิตใจแล้ว ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและแผนธุรกิจที่เข้มงวดจากรัฐบาล เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อกิจการจะไม่มีกระแสต่อต้านจากชาวญี่ปุ่น และบริษัทจะไปรอด ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ