จากผู้ที่เสียขาในอุบัติเหตุสู่ราชินีฟันดาบ คว้า 3 ทองพาราลิมปิก

การเป็นผู้พิการในวัย 17 ปี

สายสุนีย์ นักกีฬาฟันดายทีมชาติไทย จากจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีลูกสาว 1 คนอายุ 10 ปี ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป จนกระทั่งเธอประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนอายุ 17 ปี จนเป็นผู้พิการ ไม่สามารถใช้ขาได้ เธอเล่าว่า เช้าวันนั้นก็เป็นเหมือนเช้าวันอื่น ๆ เธอกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน และทันใดนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป การชนที่รุนแรงทำให้เธอกระเด็นออกจากรถจักรยานยนต์ กระโหลกร้าว ฟันหน้าแตก หลังหักและทำให้ขาของเธอเป็นอัมพาต อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เธอไม่เคยคิดถึงอนาคตอีกเลย เธอตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ครอบครัวเป็นหนี้จากการรักษาพยาบาลและเธอก็พยายามฆ่าตัวตายด้วยการโดดออกจากหน้าต่าง เธอใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะยกตัวเองออกจากวีลแชร์ได้ เธออ่อนแอเกินกว่าจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ

หลังจากความพยายามที่จะฆ่าตัวตายเธอก็เริ่มยอมรับตัวเองได้ และเริ่มเรียนผ่านระบบทางไกล และโรงเรียนสำหรับผู้พิการ นั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิต ที่ทำให้เธอมาเล่นกีฬาวีลแชร์สำหรับผู้พิการ หวังนำเงินรางวัลว่าหาเลี้ยงครอบครัว

ราชินีพาราลิมปิก

เธอเริ่มแข่งพาราลิมปิกเกมส์ครั้งแรกที่เอเธนส์ในวัย 30 ปี และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าเหรียญทองฟันดาบ ประเภทเอเป้ และเหรียญทองแดงฟันดาบ ประเภทฟอยล์

หลังจากนั้นเธอก็เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกอย่างต่อเนื่อง และมีเหรียญรางวัลติดมือทุกครั้ง ในพาราลิมปิกปักกิ่ง 2008 เธอคว้าเหรียญทองแดงฟันดาบ ประเภทเอเป้ ในลอนดอน 2012 คว้าเหรียญทองฟันดาบ ประเภทเอเป้ ในริโอ 2016 คว้าเหรียญเงิน ประเภทเอเป้ ในโตเกียว 2020 คว้าเหรียญทองแดง ประเภทเอเป้ และล่าสุดที่พาราลิมปิกปารีส 2024 ท็อปฟอร์มสุด ๆ กวาดคนเดียว 3 เหรียญทองในประเภทเอเป้ ที่ถนัด, เซเบอร์ และฟอยล์ ถือเป็นนักกีฬาฟันดาบหญิงคนแรกของโลกที่ทำได้ในวัย 50 ปี

นอกจากนี้เธอยังเป็นแชมป์โลกฟันดาบประเภทเอเป้ 5 สมัย ในปี 2010, 2011, 2013, 2015 และ 2023 อีกด้วย ส่วนการแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ เธอก็สามารถคว้าเหรียญทองได้ในการแข่งขันที่กวางโจวปี 2010 จาการ์ตา ปี 2018 และหางโจว ปี 2022

ผลงานพาราลิมปิกทีมชาติไทย

ในการแข่งขันพาราลิมปิกปารีส 2024 ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ คว้าไปถึง 6 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 11 เหรียญทองแดง รวมแล้ว 26 เหรียญรางวัล จากการแข่งขันหลายชนิดกีฬา ทั้งฟันดาบ, วีลแชร์เรซซิ่ง, บอคเซีย, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด ยกน้ำหนักและแบดมินตัน นอกจากนี้ยังเหลือการแข่งขันลุ้นเหรียญรางวัลอีก ในวันที่ 7 และ 8 กันยายน สองวันสุดท้ายของการแข่งขันพาราลิมปิกที่ปารีส