21 ก.ค. วันที่ร้อนที่สุดตั้งแต่บันทึกสถิติเมื่อปี 1940

โดยวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยจดบันทึก ตามข้อมูลเบื้องต้นจากโครงการบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (Copernicus Climate Change Service – C3S) ของสหภาพยุโรป ซึ่งติดตามรูปแบบของสภาพอากาศทั่วโลกตั้งแต่ปี 1940 

อุณหภูมิอากาศเหนือพื้นดิน (Surface Air Temperature) เฉลี่ยทั่วโลกในวันอาทิตย์ สูงถึง 17.09 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติที่บันทึกในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งอยู่ที่ 17.08 องศาเซลเซียส เนื่องจากคลื่นความร้อนปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ของสหรัฐฯ, ยุโรปและรัสเซีย 

คาร์โล บูออนเทมโป ผู้อำนวยการของโคเปอร์นิคัส แถลงในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า วันจันทร์, อังคาร หรือกระทั่งวันพุธในสัปดาห์นี้ อาจเกิดสภาพอากาศร้อนทำลายสถิติของวันอาทิตย์ได้ เนื่องจากคลื่นความร้อนยังคงแผ่ปกคลุมทั่วโลก

เมื่อปีที่แล้ว มีถึง 4 วันที่สภาพอากาศร้อนทำลายสถิติต่อเนื่อง จากวันที่ 3 จนถึง 6 กรกฎาคม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน อันเนื่องมาจากการเผาผลาญของเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิร้อนจัดทั่วซีกโลกเหนือ

 

แม้ว่าสถิติของวันอาทิตย์จะสูงกว่าค่าที่อ่านได้ของปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย แต่บูออนเทมโป กล่าวว่าสิ่งที่น่าทึ่ง คืออุณหภูมิในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมานั้นแตกต่างไปจากสถิติในครั้งก่อน ๆ มาก โดยทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดบนโลก นับตั้งแต่มีการจดบันทึก เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ๆ

นักวิทยาศาสตร์บางคนแนะนำว่า ในปี 2024 นี้ อาจแซงหน้าปี 2023 เป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการจดบันทึก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผลักดันให้อุณภูมิสูงขึ้นในปีนี้ 

นักวิทยาศาสตร์และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้เรียกร้องมานานแล้วให้บรรดาผู้นำและประเทศร่ำรวย ค่อย ๆ เลิกและยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงคลื่นความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น 

—————

ภาพ: Reuters