สงครามล่าสุด ยอดเสียชีวิตในกาซาพุ่ง 11,180 ราย โรงพยาบาลขาดแคลนเชื้อเพลิง!
สถานการณ์สงครามล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาพุ่ง 11,180 ราย ศพเริ่มกองพะเนินทั้งภายในและนอกโรงพยาบาล ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 คน กำลังลี้ภัยอยู่ภายในโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเชื้อเพลิง
สถานการณ์สงครามล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาพุ่ง 11,180 ราย ศพเริ่มกองพะเนินทั้งภายในและนอกโรงพยาบาล ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 คน กำลังลี้ภัยอยู่ภายในโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเชื้อเพลิง
สรุปประเด็นสำคัญสถานการณ์สงครามหลังจาก กองทัพอิสราเอลเดินหน้ากวาดล้างกลุ่มฮามาส ซึ่งส่งสมาชิกบุกโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับผู้คนไปเป็นตัวประกันประมาณ 240 คน นับเป็นการโจมตีอิสราเอลครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น
ทั้งนี้ อิสราเอลเผชิญหน้ากับกระแสกดดันจากนานาชาติอย่างหนักหน่วง เพื่อลดความทุกข์ยากของพลเรือน ท่ามกลางการโหมโจมตีอย่างหนักทั้งทางอากาศและภาคพื้ดิน ซึ่งทางการฮามาส ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11,180 คน ซึ่งในจำนวนนี้ มีเด็ก 4,609 คน
-ที่โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา การตัดไฟฟ้าและการขาดแคลนเชื้อเพลิง กำลังสร้างความยุ่งยากอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลของนานาชาติเกี่ยวกับชะตากรรมของทารกที่คลอดก่อนกำหนดหลายสิบคนที่ไม่สามารถอยู่ในตู้อบได้อีกต่อไป
คริสเตียน ลินด์ไมเออร์ โฆษกขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า นอกจากเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดแล้ว โรงพยาบาลแห่งนี้ยังไม่สามารถฟอกไตให้กับผู้ป่วย 45 คนตามที่ต้องการได้ และยังมีผู้ป่วย 600 คน อยู่ในโรงพยาบาล และประชาชนอื่น ๆ ที่กำลังลี้ภัยอยู่ตามระเบียง
ส่วนแพทย์ในกาซา กล่าวว่า ศพเริ่มกองพะเนินทั้งภายในและนอกโรงพยาบาล และลินด์ไมเออร์ กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่า โรงพยาบาลกำลังทำหน้าที่เหมือนสุสานมากกว่า
-ด้านเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO กล่าว หลังจากติดต่อกับเจ้าหน้าที่สนามภายในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ว่า โรงพยาลาลอัล-ชีฟา ไม่ได้ให้บริการในฐานะโรงพยาบาลอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับสถานพยาบาลอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือขาดแคลนเวชภัณฑ์และพลังงาน และภัยคุกคามต่อชีวิตเนื่องจากการสู้รบ WHO บอกว่า การยิงและทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้สถานการณ์วิกฤตยิ่งขึ้น
เกเบรเยซุส กล่าวด้วยว่า “เป็นเวลาสามวันแล้วที่ไม่มีไฟฟ้าและน้ำ” โดยบรรยายถึงชะตากรรมของผู้คนที่ติดอยู่ข้างในว่า “เลวร้ายและเต็มไปด้วยอันตราย”
-WHO ในดินแดนปาเลสไตน์ เตือนว่า ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 คน กำลังลี้ภัยอยู่ภายในโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเชื้อเพลิง, น้ำหรืออาหาร หลังจากสำนักงานด้านมนุษยธรรมยูเอ็น ระบุว่า มีโรงพยาบาล 20 แห่งจากทั้งหมด 36 แห่งในกาซา งดให้บริการ
-เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุขในกาซา ระบุเมื่อวานนี้ ( 13 พ.ย.) ว่า โรงพยาบาลหลายแห่งในใจกลางพื้นที่สู้รบในภาคเหนือของกาซา ถูกบีบให้ต้องงดการให้บริการ ท่ามกลางภาวะขาดแคลนและการสู้รบ พร้อมบอกเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยกำลังเสียชีวิตมากขึ้นในศูนย์กลางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้
-แพทย์ที่โรงพยาบาลอัล-ชีฟา กล่าวว่า พวกเขากลัวว่า เด็กทารกแรกเกิด 36 คนที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูอาจเสียชีวิต เนื่องจากยังมีการสู้รบอย่างดุเดือดในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งยูสเซฟ อาบู ริช รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขของรัฐบาลฮามาส กล่าวว่า มีทารกคลอดก่อนกำหนด 6 คนเสียชีวิตในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา พร้อมด้วยผู้ป่วยคนอื่น ๆ อีก 9 คน ในห้องไอซียู เนื่องจากขาดไฟฟ้า โรงพยาบาลทั้งหมดในภาคเหนือของกาซา “งดให้บริการ” ขณะที่กองทัพอิสราเอล ยังคงปฏิบัติการภาคพื้นดินกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงฮามาส
-ผู้เห็นเหตุการณ์รายงาน “การต่อสู้กันรุนแรง” มากขึ้น มีการโจมตีทางอากาศและยิงระเบิดกาวกระจายทั่วบริเวณโรงพยาบาลอัล-ชีฟาใจกลางกาซา ซึ่งขณะนี้ กลายเป็นเขตสงครามในเมืองไปแล้ว
-สำนักงานสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ หรือ UNRWA เตือนว่า การปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ ในกาซา จะ “หยุดชะงัก” ใน 48 ชั่วโมง เมื่อเชื้อเพลิงหมดลง ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ ระบุว่า อิสราเอลปฏิเสธที่จะอนุญาตให้นำเชื้อเพลิงเข้ากาซา แต่อิสราเอลบอกว่า ได้เสนอให้นำเอาเชื้อเพลิง 300 ลิตร เพื่อทำให้การบริการที่โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ดำเนินการต่อไปได้
-อิสราเอล แถลงว่า กลุ่มฮามาสมีศูนย์บัญชาการอยู่ใต้โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งฮามาสปฏิเสธ แต่ยืนยันว่า อิสราเอลไม่ได้โจมตีโรงพยาบาลระหว่างการสู้รบ
-เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของตุรกี แถลงว่า ตุรกีได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลอียิปต์ เพื่อสร้างโรงพยาบาลสนามในเมืองอัล อาริช ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนราฟาห์ประมาณ 40 กิโลเมตร
-อิสราเอล แถลงว่า มีทหาร 44 นายเสียชีวิตในการบุกโจมตีกาซา
-ขณะเดียวกัน สหรัฐฯปฏิบัติการโจมตีทางอากาศฐานทัพอิหร่าน 2 แห่งในซีเรีย หลังจากการโจมตีทหารสหรัฐฯในซีเรียและอิรัก
ภาพจาก AFP