กองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ ถล่มฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องทุกช่องทาง

กองทัพอิสราเอลเดินหน้าโจมตีทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ ถล่มฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องทุกช่องทาง พลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมากขึ้น

 

ประชาชนมากกว่า 400 คน เดินทางออกจากฉนวนกาซา เพื่อข้ามเข้าไปยังอียิปต์ หลังจุดผ่านแดนราฟาห์ เปิดให้พลเรือนผ่านเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เริ่มต้นการสู้รบระหว่างอิสราเอล-ฮามาส 

ผู้อพยพบางคนถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลฉุกเฉิน ผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างอียิปต์, อิสราเอลและฮามาส จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติและผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอพยพออกจากกาซา ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อมได้ โดยการอพยพมีขึ้นหลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในกาซา มีผู้เสียชีวิต 50 ราย บาดเจ็บกว่า 150 ราย เมื่อวานนี้ ( 1 พ.ย.)

เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ ระบุว่า มีผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ 335 คน และชาวกาซาที่บาดเจ็บ 76 คน สามารถเดินทางเข้าอียิปต์เมื่อวานนี้ เป็นการอพยพออกจากดินแดนปาเลสไตน์ครั้งแรก ขณะที่เครื่องบินรบของอิสราเอลยังคงโจมตีตอบโต้กลุ่มฮามาสอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงว่า พลเรือนของสหรัฐฯ จะเดินทางออกจากกาซาอย่างเร็วที่สุดโดยชาวต่างชาติกลุ่มแรก ซึ่งรวมทั้งพลเรือนสหรัฐฯ เดินทางออกจากกาซาถึงอียิปต์แล้ว แต่เขาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนพลเรือนสหรัฐฯที่ออกจากกาซา อ้างความกังวล “ด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน” 

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) เตือนว่า ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ ที่กลุ่มฮามาส หรือองค์กรก่อการร้ายต่างชาติอื่นๆ อาจฉวยโอกาสจากความขัดแย้งครั้งนี้ เพื่อดำเนินการโจมตีสหรัฐฯ หรือเล่นงานชาวอเมริกาในพื้นที่ต่างๆ ถือเป็นความเสี่ยงขั้นสูง ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังสูงสุด 

อิสราเอล แถลงว่า ได้เดินหน้าโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา สามารถสังหารผู้บัญชาการอาวุโส และนักรบกลุ่มฮามาสอีกหลายคน แต่ก็มีทหารอิสราเอลเสียชีวิต 15 นาย ในปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินขั้นที่ 2 ในกาซาตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา

 

ชาวปาเลสไตน์ กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ถล่มกาซาทั้งทางภาคพื้นดิน, ทางทะเล และทางอากาศตลอดทั้งคืน ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมากขึ้น 

ทั้งนี้ การสู้รบใกล้ครบ 1 เดือนแล้ว กระทรวงสาธารณสุขในกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 8,700 ราย 

ส่วนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซายังคงวิกฤต ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และยา ภายหลังถูกอิสราเอลปิดล้อมอย่างเด็ดขาดมาหลายสัปดาห์ รวมทั้งประกาศให้ผู้ที่อยู่ทางตอนเหนือของกาซารีบอพยพไปทางใต้ แต่กลับถล่มโจมตีอย่างหนักหน่วงไม่ว่าทางเหนือหรือทางใต้ของดินแดน 

หน่วยงานด้านการสื่อสารของปาเลสไตน์ เปิดเผยว่า บริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในกาซา ใช้การไม่ได้อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ 

เจ้าหน้าที่อิสราเอล ระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้อนุญาตให้รถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ 70 คันจากอียิปต์เข้าสู่กาซา ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับจากที่อเมริกาเป็นตัวกลางผลักดันข้อตกลงนี้ แต่ยังน้อยกว่าปริมาณที่ประชาชนในกาซาต้องการอย่างแท้จริง 

ด้านโบลิเวีย ประเทศในอเมริกาใต้ ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เนื่องจากมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ใส่ใจต่อพลเรือน ด้วยการทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก และอีกหลายแสนคนต้องพลัดถิ่น ไร้ที่อยู่อาศัย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการปิดล้อมฉนวนกาซาทันที 

ทั้งนี้ โบลิเวียได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลมาหนึ่งครั้งแล้ว ในปี 2009 เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ในฉนวนกาซาเช่นกัน 

ภาพ AFP