รัสเซียเตiuยมเสริมทัพใกล้ฟินแลนด์ พร้อมขยายกำลังพลเป็น 1.5 ล้านคน
รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียประกาศว่า กองทัพรัสเซียจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ และจะตั้งหน่วยทหารที่พึ่งพาตนเองได้ในดินแดนยูเครนที่รัสเซียผนวกเข้ามา
---รัสเซียเสริมทัพใกล้ฟินแลนด์---
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียประกาศว่า กองทัพรัสเซียจะมีการผ่าตัดครั้งใหญ่โดยเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ไปจนถึงปี 2026 และจะมีการตั้งหน่วยทหารที่พึ่งพาตนเองได้ในดินแดนยูเครนที่รัสเซียผนวกเข้ามา
ชอยกู กล่าวว่า รัสเซียจะตั้งศูนย์บัญชาการใหม่ ๆ ใกล้ยุโรป ขณะที่จะมีการขยายจำนวนกำลังพลให้ถึง 1.5 ล้านคน จากปัจจุบัน 1.15 ล้านคน
ศูนย์บัญชาการใหม่นี้จะอยู่ในภูมิภาครอบ ๆ กรุงมอสโก เลนินกราด หรือปัจจุบัน คือ นครเซนต์ปีเตอรส์เบิร์ก และคาเรเลีย ซึ่งติดชายแดนฟินแลนด์
รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย กล่าวว่า การขยายกองทัพนั้นครอบคลุมทุกสาขาหมู่เหล่าของกองทัพรัสเซีย และสอดคล้องกับการจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ให้แก่พวกเขา นอกจากนี้ รัสเซียจะก่อตั้งกองพลทหารราบยานยนต์เพิ่มสามหน่วย และทางอากาศอีกสองหน่วยด้วย
ทั้งนี้ ทำเนียบเครมลินไม่ได้เผยว่าจะมีการเกณฑ์ทหารใหม่เพิ่มอย่างไร แต่ได้มีการเสนอเพิ่มอายุในการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอาจทำให้มีจำนวนชายที่เข้าข่ายต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มขึ้นได้
---ชาติตะวันตกกดดันเยอรมนีไฟเขียว ส่งรถถังให้ยูเครน---
ขณะที่ในฝั่งของยูเครนและชาติตะวันตกนั้น ต้องจับตาไปที่การประชุมของชาติพันธมิตรยูเครนในวันศุกร์นี้ที่เยอรมนี ซึ่งบรรดาชาติพันธมิตรยูเครนกำลังเพิ่มแรงกดดันไปยังรัฐบาลเยอรมนีที่นำโดย “โอลาฟ โชลซ์” ให้ไฟเขียวเรื่องการจัดหารถถังให้แก่ยูเครน
ทั้งนี้ จนถึงตอนนี้ สหราชอาณาจักร ประกาศจะจัดส่งรถถังต่อสู้ Challenger 2 จำนวน 14 คันให้ยูเครน ขณะที่โปแลนด์ ประกาศจะส่งรถถัง Leopard 2 ที่ผลิตโดยเยอรมนีไปให้เช่นกัน แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลเยอรมนีก่อน
ภายใต้กฎหมายของเยอรมนี ที่กำหนดว่า หากจะมีการส่งออกอุปกรณ์ทางการทหารที่ผลิตโดยเยอรมนีไปอีกต่อหนึ่ง จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลเยอรมนีก่อน
ด้านฟินแลนด์ ประกาศว่า พร้อมส่งรถถัง Leopard ให้ยูเครนเช่นกัน หากเยอรมนีเริ่มส่งก่อน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เยอรมนีคัดค้านการส่งรถถังไปให้ยูเครน และย้ำว่า จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อบรรดาพันธมิตรพันธมิตรหลักของตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ มีข้อตกลงร่วมกันก่อน ทำให้ขณะนี้แรงกดดันตกไปอยู่ที่รัฐบาลเยอรมนี ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่ออย่างไร
ขณะที่สหรัฐฯ นั้น มีรถถัง M1 Abrams แต่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานในยูเครนเพราะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ก๊าซเทอร์ไบน์ ส่วนฝรั่งเศส ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งรถถัง Leclerc ที่ผลิตเองให้แก่ยูเครนหรือไม่
---“รถถัง” จุดเปลี่ยนเกมวิกฤตยูเครน?---
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลยูเครนเรียกร้องให้ชาติตะวันตกส่งอาวุธหนักมาช่วย รวมถึงรถถังต่อสู้ เพราะจนถึงตอนนี้ ยูเครนมีเพียงรถถัง T-72 ที่ผลิตขึ้นในสมัยโซเวียตเท่านั้น แต่รถถังที่ออกแบบและผลิตโดยชาติสมาชิกนาโต เช่น สหราชอาณาจักร และเยอรมนีนั้น จะช่วยปกป้องกองทัพยูเครนได้ดีขึ้น และยิงได้แม่นยำขึ้น
อย่างไรก็ตาม รถถังจากตะวันตกนั้นจะไม่สามารถช่วยให้ยูเครนมีศักยภาพในการต่อสู้ขึ้นมาในทันที เพราะกองทัพยูเครนจำเป็นต้องฝึกการใช้งานก่อน และปกติแล้วต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อย่างน้อยหลายสัปดาห์หรือมากกว่านั้น
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า กองทัพรัสเซียกำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดแนวรุกใหม่ในอีกไม่กี่เดือนนี้ สำนักข่าว Al Jazeera รายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า ยูเครนจำเป็นต้องรถถังราว 100 คัน หากต้องการสร้างผลในการรบอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่หากส่งรถถังมาในจำนวนที่น้อยพอเป็นพิธี ก็ไม่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง:
