TNN online จับตาหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ประชุม กนง. -ส่งออกไทย-โควิด-ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติมีผลต่อตลาด

TNN ONLINE

Wealth

จับตาหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ประชุม กนง. -ส่งออกไทย-โควิด-ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติมีผลต่อตลาด

จับตาหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ประชุม กนง. -ส่งออกไทย-โควิด-ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติมีผลต่อตลาด

บล.กสิกรไทย คาด หุ้นไทยสัปดาห์หน้า เคลื่อนไหว 1,600 -1,665 จุด แนะจับตาการประชุม กนง. ตัวเลขส่งออกไทย สถานการณ์โควิด-19 และทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีผลต่อทิศทางตลาด

วันนี้( 18 ธ.ค.64) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด  มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 20-24 ธ.ค. มีแนวรับที่ 1,625 และ 1,600 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,665 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุม กนง., ตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.ของไทย สถานการณ์โควิด-19 และทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ


ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/64, ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง, รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนี PCE/Core PCE Price Indices เดือน พ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของจีน, ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย.ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ของยูโรโซน


สำหรับหุ้นไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,641.73 จุดเพิ่มขึ้น 1.45% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 77,852.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.98% มาปิดที่ 570.19 จุด 


โดยหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาขึ้นช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ระหว่างรอผลการประชุมเฟด  ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดช่วงเทศกาลปีใหม่ก็มีส่วนช่วยหนุนหุ้นไทยให้ปรับขึ้น ก่อนจะเผชิญแรงขายกลับลงมาช่วงกลางสัปดาห์จากความกังวลต่อการศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์  อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังผลการประชุมเฟดออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ก่อนจะลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์


ข้อมูล:  บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด 

ภาพประกอบ :AFP 

ข่าวแนะนำ