เปิด 10 อันดับ ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 65 'ความงาม-อีคอมเมิร์ซ' ครองแชมป์!

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิด 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงปี 65 เผยธุรกิจการแพทย์ ความงาม และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยังครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 หลังคนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และค้าออนไลน์ ส่วนธุรกิจผลิตเครื่องโทรศัพท์-โทรสาร ครองแชมป์ดาวร่วง คาดปีหน้าเศรษฐกิจโตร้อยละ 4.2
วันนี้ (16 ธ.ค.64) นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2565 ดังนี้
ธุรกิจดาวรุ่ง 10 อันดับ
อันดับ 1 ธุรกิจการแพทย์และความงาม และธุรกิจการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ (อีคอมเมิร์ซ) เป็นธุรกิจที่มาแรงเป็นอันดับ 1 ร่วมกัน โดยทั้ง 2 ธุรกิจ ครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ทั้งนี้ ธุรกิจการแพทย์และความงาม มีปัจจัยสนับสนุนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการวิจัยและพัฒนายารักษาโรค และวัคซีน เพิ่มขึ้น คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย และการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ
ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เติบโตจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อันดับ 2 ธุรกิจแพลตฟอร์ม (ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางด้านอิเล็กทรอนิกส์) ที่เติบโตตามการค้าออนไลน์
อันดับ 3 ธุรกิจโลจิสติกส์ เดลิเวอรี และคลังสินค้า
อันดับ 4 ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา
อันดับ 5 ธุรกิจอาหารเสริมและสุขภาพ และธุรกิจขายตรง อันดับ 6 ธุรกิจแปรรูปยาง เช่น ถุงมือยาง ถุงยาง เติบโตตามความต้องการใช้ป้องกันโควิด-19 และธุรกิจอาหารสำเร็จรูป เติบโตตามความต้องการบริโภคอาหารที่หลากหลาย และลดออกไปบริโภคอาหารนอกบ้าน
อันดับ 7 ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ บนยูทูป และการรีวิวสินค้า
อันดับ 8 ธุรกิจบรรจุภัณฑ์
อันดับ 9 ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเทคโนโลยี 5G
อันดับ 10 ธุรกิจบันเทิง ฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ และผู้บริโภคมีทางเลือกในการดูหนัง ละคร มากขึ้น
ธุรกิจดาวร่วง 10 อันดับ
อันดับ 1 ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร
อันดับ 2 ธุรกิจฟอกย้อม
อันดับ 3 ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร
อันดับ 4 ธุรกิจโรงพิมพ์
อันดับ 5 ธุรกิจผลิตและขายต้นไม้
อันดับ 6 ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก
อันดับ 7 ธุรกิจร้านถ่ายรูป
อันดับ 8 ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ
อันดับ 9 ธุรกิจของเล่นเด็ก
อันดับ 10 ธุรกิจ Call Center
ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 65 จะขยายตัวได้ 4.2% หรืออยู่ในกรอบ 4.0-4.5% ตามที่เคยประเมินไว้ โดยเชื่อว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายลง และแม้จะมีเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในหลายประเทศเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย
"เรามองว่าแม้โอไมครอนจะแพร่กระจายมากขึ้น แต่คงไม่กระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก จากข้อมูลตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ จะเห็นว่าโอไมครอนไม่ไม่ทำให้เศรษฐกิจโลกย่อตัวลง ดูจากราคาหุ้นทั่วโลก และตอนนี้ก็ยัง sideway แนวโน้มจะเป็น sideway up ไม่ใช่ sideway down" นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ คาดว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ มีโอกาสจะขยายตัวได้มากกว่า 3% เนื่องจากเห็นการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องกันมาแล้ว 3 เดือน กำลังซื้อของคนไทยมีมากขึ้น จากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ช่วยเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงปลายปี และจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 65
ขณะที่ คาดว่าในช่วงไตรมาสแรก ปี 65 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มเข้ามาได้ราว 1.5 ล้านคน หรือตกเดือนละ 3-5 แสนคน โดยทั้งปี คาดว่าจะอยู่ที่ 5 ล้านคน
"มาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ทั้งคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกปี 65 คนจะเริ่มรับรู้การฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2 และในช่วงครึ่งปีหลัง จะเห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นขึ้น" นายธนวรรธน์ กล่าว
ข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ภาพจาก AFP