TNN online บาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น

TNN ONLINE

Wealth

บาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น

บาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น

ธนาคารกรุงไทย ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.14 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น คาดวันนี้ผันผวน เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.14 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย  จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.11 บาทต่อดอลลาร์  โดยตลาดการเงินโดยรวมยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดการเงินต่างมองว่าเฟดจะเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งการเร่งลดคิวอี หรือ การทยอยขึ้นดอกเบี้ยได้ราว 2-3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งมุมมองดังกล่าวยังคงส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth กดดันให้ ในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลงกว่า -0.50% ส่วนดัชนี S&P500 รีบาวด์ขึ้น +0.17% เช่นเดียวกับ ดัชนี Dow Jones +0.55% จากแรงหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มการเงินที่ได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ รวมถึงแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการประกาศใช้น้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรกลุ่มผู้ใช้น้ำมัน เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น มีปริมาณน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และการประกาศดังกล่าวก็ทำให้ตลาดเชื่อว่ากลุ่ม OPEC+ จะไม่เพิ่มกำลังการผลิตไปมาก 


ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ประเด็นปัญหาการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ยังคงกดดันให้ผู้เล่นในตลาดเลือกจะเทขายหุ้นในธีม Reopening หรือ หุ้นกลุ่ม Cyclical นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ เช่นกัน อาทิ ASML -5.5%, Infineon Tech -3.6%, Adyen -2.4% ส่งผลให้ ดัชนี STOXX50 ปรับตัวลงต่อเนื่องถึง -1.26% 


ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นกว่า 4bps สู่ระดับ 1.66% จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดจะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เร็ว เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ทั้งนี้ตลาดจะรอจับตามุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด ผ่านรายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ซึ่งจะมีการประกาศในช่วงเวลา 02.00 น. วันพรุ่งนี้ ตามเวลาประเทศไทย


ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แกว่งตัว sideways เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ทรงตัวใกล้ระดับ 96.50 จุด โดยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์นั้นถูกหนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดอาจเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงขายทำกำไรบ้าง รวมถึง แนวโน้มเงินยูโร (EUR) ที่ไม่ได้อ่อนค่าลงหนัก หลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของยูโรโซน อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 


สำหรับวันนี้ ตลาดรอลุ้นแนวโน้มปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือ การเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งตลาดคาดว่า อัตราเงินเฟ้อ PCE ในเดือนตุลาคม อาจเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 5.1% นอกจากนี้ ตลาดจะจับตามุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ปัญหาเงินเฟ้อ รวมถึงทิศทางนโยบายการเงิน ผ่านรายงานการประชุม FOMC Minutes ล่าสุด ซึ่งเป็นการประชุมที่เฟดได้มีการประกาศลดคิวอี


ส่วนในฝั่งประเทศเยอรมนี ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาการระบาดที่หนัก ตลาดประเมินว่า ภาคธุรกิจเยอรมนีอาจมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจลดลง สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Ifo Business Climate) เดือนพฤศจิกายน ที่จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 96.5 จุด ซึ่ง ภาพเศรษฐกิจยุโรปที่ฟื้นตัวได้แย่กว่าฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ยังสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย จะยังคงกดดันให้เงินยูโร (EUR) มีแนวโน้มอ่อนค่าลงหรือทรงตัวในระดับต่ำต่อไป ซึ่งจุดเปลี่ยนที่จะช่วยให้เงินยูโรกลับมาแข็งค่าได้ อาจต้องรอการอนุมัติยา PAXLOVID ของ Pfizer หรือ สถานการณ์การระบาดในยุโรปไม่ได้เลวร้ายไปมากนัก จนข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนเริ่มออกมาดีกว่าคาด


สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าจากการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นต่างชาติได้บ้าง โดยเฉพาะฝั่งที่มีการเก็งกำไรการแข็งค่าของเงินบาทก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับภาพเชิง Technical รายวัน ที่ MACD ส่งสัญญาณจุดกลับตัวของเงินบาทจากแข็งค่าเป็นอ่อนค่า ขณะเดียวกัน การปรับตัวลดลงหนักของราคาทองคำก็ส่งผลกระทบต่อเงินบาทพอสมควร ซึ่งเรายังเชื่อว่า การปรับตัวลงหนักของราคาทองคำสู่แนวรับสำคัญแถว 1,780-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อ Buy on Dip เพื่อเล่นรอบเก็งกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำได้ ซึ่งโฟลว์ดังกล่าวจะเป็นแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท


อย่างไรก็ดี เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมากนัก เนื่องจากผู้ส่งออกต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์อยู่ ทำให้แนวต้านของเงินบาทยังอยู่ในช่วงใกล้ 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งระดับดังกล่าวก็อาจเห็นผู้เล่นต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาเก็งกำไรฝั่งเงินบาทแข็งค่าได้อีกรอบเช่นกัน ทั้งนี้มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.20 บาท/ดอลลาร์

บาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น


ข้อมูล:  
ธนาคารกรุงไทย

ภาพประกอบข่าว :  ธนาคารกรุงไทย,TNN Online,Pixabay

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง