TNN online หุ้นไทยแกร่งปิดบวกอันดับต้นเอเชีย คลายกังวลปัจจัยลบใน-นอกประเทศ

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยแกร่งปิดบวกอันดับต้นเอเชีย คลายกังวลปัจจัยลบใน-นอกประเทศ

หุ้นไทยแกร่งปิดบวกอันดับต้นเอเชีย  คลายกังวลปัจจัยลบใน-นอกประเทศ

หุ้นไทยแกร่งปิดบวก 5.28 จุด อันดับต้นของเอเชียคลายความกังวลปัจจัยลบทั้งใน- นอกประเทศ มองแนวโน้มเม็ดเงินไหลกลับช่วงที่เหลือของปีหากยอดผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง มองกรอบแนวรับพรุ่งนี้1,635 จุด แนวต้านสำคัญที่ 1,650 จุด เชียร์ 3 หุ้นเด่นน่าลงทุน

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,644.01 จุด บวก 5.28 จุด หรือ 0.32 % โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,648.43  จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,639.08  จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86,351.68 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้มีทั้งบวกและสลับกัน แต่ตลาดหุ้นไทย outperform อยู่อันดับต้นของเอเชีย หลังจากผ่านพ้นความผันผวนทั้งในประเทศและนอกประเทศ โดยเฉพาะผล เจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนที่มีความราบรื่นด้วยการลดความขัดแย้งกันและจะหารือกันในประเด็นต่าง ๆ มากขึ้น


สำหรับในประเทศจีดีพีไตรมาส 3/64 ดีกว่าตลาดคาดติดลบเพียง 0.3% ทำให้ตลาดมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/64 น่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้การประกาศงบไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนในไทยสัดส่วน 90% ของมาร์เก็ตแคป กำไรรวมอยู่ที่ 1.99 แสนล้านบาท ลดลง 25.9% QOQ ซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ดังนั้นคาดว่าไตรมาส 4/64 ภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจน่าจะฟื้นตัว

 

นอกจากนี้หลังจากรัฐเปิดประเทศ 2 สัปดาห์มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย 5.5 หมื่นราย แต่มีผู้ติดเชื้อโควิด 0.12% ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ 


ทั้งนี้แม้ว่าในต้นเดือนพ.ย.นี้จะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทย 1.5 พันล้านบาท แต่ตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นอายุน้อยกว่า 1 ปีอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท (mtd)ดังนั้นคาดว่าในช่วยที่เหลือของปีนี้จะมีเม็ดเงินจากตราสารหนี้ระยะสั้นไหลเข้าหุ้นไทยหากจำนวนผู้ติดเชื้อยังลดลงต่อเนื่อง


ส่วนหุ้นที่ดันตลาดวันนี้หลังจากการประกาศงบไตรมาส 4/63 สิ้นสุดเป็นกลุ่มรับเหมา เช่น STEC +5.84% CK +5% กลุ่มค้าปลีก เช่น HMPRO +2% CPN +2.2% BANK เช่น  +BAY 3.6%+SCB 1.6%  คาดว่าแนวโน้มในไตรมาส 4 จะมีกำไรและเติบโตโดดเด่น  ด้านปัจจัยที่ติดตามนอกจากโควิดภายในประเทศแล้วยังเป็นยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนต.ค. คาดว่าจะโต 1.2% (mom)


สำหรับแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าดัชนีแกว่งไซด์เวย์หรือไซด์เวย์อัพ มองกรอบแนวรับที่ 1,635 จุด แนวต้านสำคัญที่ 1,650 จุด หากผ่านไปได้มีโอกาสแตะที่ระดับ 1,670 จุด ชู 3 หุ้นเด่น นำโดย TIDLOR ราคาเป้าหมาย 44 บาทถัดมาเป็น TASCO ราคาเป้าหมาย 23 บาท  และตัวสุดท้ายคือERW ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท



ที่มา :นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส 

ภาพประกอบ :บล.เอเซีย พลัส 


ข่าวแนะนำ