TNN online หุ้นไทยแดงยกแผง ! ผวาเฟดลดคิวอี

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยแดงยกแผง ! ผวาเฟดลดคิวอี

 หุ้นไทยแดงยกแผง ! ผวาเฟดลดคิวอี

หุ้นไทยแดงยกแผงสอดรับตลาดหุ้นภูมิภาค นักลงทุนเทขายป้องกันความเสี่ยงรอผลประชุมเฟด โบรกคาดลดคิวอีกระทบหุ้นไทยจำกัด เผยสถิติ 3 ปีต่างชาติขายสุทธิไปแล้ว 3.5 แสนล้านจับตาประชุมโอเปกพลัส มองกรอบเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,600-1,620 จุด ชู 2 หุ้นเด่นมีปัจจัยบวกเฉพาะ

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.คันทรี่กรุ๊ป เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,611.92  จุด ลบ  -5.97 จุด หรือ 0.37 %ระหว่างวันดัชนีซื้อขายสูงสุด 1,623.08  จุด และต่ำสุดที่ 1,607.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 84,727.33  ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียที่

ส่วนใหญ่แดงยกแผง ยกเว้นไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่ปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องทางด้านจิตวิทยา ก่อนธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะประกาศผลประุชุมออกมาอย่างเป็นทางการในคืนนี้ 


ทั้งนี้มองผลประชุมออกเป็น 3 กรณีคือ 1. หากเฟดปรับลดคิวอีปลายปี 1.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนจากวงเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบก่อนหน้านี้ 1.2 แสนดอล ลาร์สหรัฐต่อเดือน และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า 1 ครั้งจะไม่มีผลต่อตลาด เนื่องจากรับรู้ข่าวนี้มาบ้างแล้ว


2.กรณีที่เฟดเซอร์ไพร์สตลาดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากกว่าเดิม ลดคิวอีมากกว่าที่ตลาดคาด และขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง  ตลาดมีโอกาสปรับฐาน แต่เชื่อว่าในวงจำกัด เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 3.5 แสนล้านบาท ดังนั้น   ต่างชาติถือครองหุ้นไทยในสัดส่วนที่น้อยมากทำให้ผลกระทบจำกัด 


3.กรณียังไม่ลดคิวอีและขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ตลาดคลายความกังวลส่วนหุ้นที่ปรับตัวลงวันนี้ เช่น TRUE,GULF,ADVANC,PTT,DTAC  ขณะที่หุ้นปรับตัวขึ้น เช่น

DELTA,SCB  เป็นต้น


นอกจากนี้ปัจจัยที่ติดตามอีกประเด็นคือผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.นี้ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตในอัตรา  4 แสนบาร์เรลต่อวันหรือไม่ ถ้าคงกำลังการผลิตไว้เหมือนเดิมไม่มีผลกระทบต่อตลาดแต่หากเพิ่มมากกว่าคาดจะกดหุ้นในกลุ่มพลังงาน


สำหรับวันนี้ สถาบันซื้อสุทธิ 426.13 ล้านบาท ต่างประเทศซื้อสุทธิ  268.87 ล้านบาทบัญชีบล. ขายสุทธิ 340.56 ล้านบาทในประเทศขายสุทธิ 354.44ล้านบาท

 

ด้านกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดขาลงเป็นช่วงทยอยสะสม  ประกอบกับบลูมเบิร์ก คอนเซนซัสได้ปรับประมาณการณ์กำไรต่อหุ้นหรือEPS  จาก 95 บาทต่อหุ้น เป็น 98 บาทต่อหุ้นในปี 2022จะส่งผลให้ดัชนีจาก 1,760 จุด เป็น 1,816 จุดจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวกำไรบจ.น่าจะดีขึ้น


สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนตัวแรกคือ CBG ราคาเป้าหมาย 159 บาท เนื่องจากราคาได้ปรับตัวลงมา 22%จากจุดสูงสุด และงบไตรมาส 3/64 คาดว่าจะออกมาไม่ดีจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งอลูมิเนียมผลิตกระป๋องและขวดแก้ว และได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น และตลาดต่างประเทศเช่น กลุ่ม CLMV หดตัดจากโควิด มีอัพไซด์ 32%


หุ้นเด่นอีกตัวคือ BBL  ราคาเป้าหมาย 162 บาท ราคาหุ้นถูกเทรด 0.5 เท่า PBV ต่ำสุดในรอบ 13 ปีคาดผลประกอบการมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4จนถึงปีหน้า  จากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio)อยู่ระดับสูงที่ 199%  ดังนั้นในปีหน้าคาดว่าการตั้งสำรองจะลดลง มองกรอบเคลื่อนไหว 1,600-1,620 จุด 


 หุ้นไทยแดงยกแผง ! ผวาเฟดลดคิวอี


ที่มา :นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.คันทรี่กรุ๊ป  


ภาพประกอบ :   บล.คันทรี่กรุ๊ป  


ข่าวแนะนำ