หุ้นไทยแกร่ง ! ปิดบวกสวนภูมิภาค- กลุ่มเปิดเมืองเด่นนำตลาด

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,617.89  จุด บวก4.11 จุด หรือ 0.25  % โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,621.69  จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,608.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76,713.01 ล้านบาทว่า  ตลาดหุ้นไทยปิดบวกสวนทางภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เช่น จีน 1% อินโดนีเซีย 0.9% ญี่ปุ่น 0.43% เป็นผลมาจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง หลังจากเปิดประเทศ 1 วันมีทิศทางดีขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก

1.จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจองตั๋วโดยสารเดินทางมาเที่ยวไทยระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย.จำนวน 15,230 คน 

2.ปริมาณการจราจรทางถนนมีสัดส่วนสูงขึ้น จากข้อมูล Gloogle Mobility Trend ใกล้กลับไปสู่จุดระดับสูงสุด ส่วนการใช้ทางด่วนอยู่ที่ระดับ 80% ของผู้ใช้ปกติ ซึ่งทำให้ภาพคนออกนอกบ้านมากขึ้น

3.ผู้ติดเชื้อโควิดลดลงเหลือ 7,500 คน เทรนด์การเปิดประเทศแข็งแกร่งทำให้หุ้นเปิดเมืองหลายตัวปรับตัวขึ้นเช่น SCB 4% MINT 2.3% และBH 3%

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด คาดจะรู้ผลเช้าวันที่ 4 พ.ย.นี้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับลดคิวอีอย่างไร จากเดิมที่คาดว่าจะปรับลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน  ซึ่งต้องดูว่าจะลงมากกว่านี้หรือไม่  และการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์มั้ย จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในกลางปีหน้าทำให้มีแรงเทขายหุ้นทำกำไรออก

นอกจากนี้ต้องรอดูผลประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.เช่นกันว่าจะเพิ่มเพดานกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่จากเดิมที่คงกำลังการผลิตไว้ที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ถ้าหากเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขดังกล่าวจะเป็นตัวกดดันตลาดหุ้นต่อ  ถ้าคงกำลังการผลิตไว้เหมือนเดิมจะทำให้หุ้นน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้มองแนวโน้มหุ้นไทยพรุ่งนี้ยังย่ำฐานกรอบแคบ 1,600-1,630 จุด รอเฟดและโอเปกพลัสหากย่อตัวเป็นโอกาสสะสมหุ้น outperform ราคาแลกการ์ด แนะนำ 3 หุ้นเด่นคือ AOT  ราคาเป้าหมาย 70 บาท CPALL  ราคาเป้าหมาย 70.50 บาท และTIDLOR ราคาหุ้นขณะนี้ต่ำกว่าราคาไอพีโอมองแนวโน้มว่าสถาบันในประเทศและต่างชาติอาจเข้ามาลงทุน เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะเข้าคำนวณใน SET 50 และ MSCI  ราคาเป้าหมาย 44 บาท 

"ดัชนีหุ้นไทยไม่ควรหลุด 1,600 จุด ถ้าหลุดเป็นช่วงทยอยเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดีมองแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ระหว่างรอผลประชุมเฟด และโอเปกพลัส   เน้นธีม  Restart Economy"