TNN online เปิดรายชื่อ “แอปฯเงินกู้” ถูกกฏหมาย-พร้อมวิธีแก้ไขหากเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

TNN ONLINE

Wealth

เปิดรายชื่อ “แอปฯเงินกู้” ถูกกฏหมาย-พร้อมวิธีแก้ไขหากเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

เปิดรายชื่อ “แอปฯเงินกู้” ถูกกฏหมาย-พร้อมวิธีแก้ไขหากเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

ธปท.เปิดรายชื่อแหล่ง“แอปฯเงินกู้” ที่ถูกกฏหมายเพื่อป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง พร้อมวิธีแก้ไขหากตกเป็นเหยื่อ

วันนี้ ( 24 ต.ค. 64 )ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยแหล่งกู้เงินถูกกฏหมายหลังจากในสังคมปัจจุบัน จฉาชีพระบาดอย่างหนัก โดยอาศัยช่วงที่ประชาชนมองหาแหล่งเงินกู้ แอบอ้างเป็นผู้ให้บริการเงินกู้แล้วหลอกลวงเงินจากประชาชน ผ่านช่องทางทั้ง SMS  ไลน์ เฟสบุ๊ก แอปเงินกู้ และโทรศัพท์ โดยใช้ข้อความชวนเชื่อว่า กู้ง่าย ได้เร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ใช้เอกสารน้อย ไม่ต้องมีหลักประกัน ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย โปรดสังเกตให้รู้เท่าทัน อย่าหลงเชื่อกลโกงของมิจฉาชีพ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง และโทรติดต่อไปยังผู้ให้บริการที่ถูกอ้างชื่อถึง ก่อนตัดสินใจกู้เงิน 

ตรวจสอบได้ที่นี่ ! แหล่งเงินไหนได้รับอนุญาต ? คลิกลิงค์เว็บไซต์  www.bot.or.th/Thai/ConsumerInfo/Fraud/Pages/BOTLicensedLoan.aspx

เปิดรายชื่อ “แอปฯเงินกู้” ถูกกฏหมาย-พร้อมวิธีแก้ไขหากเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

นอกจากนี้ยังมีช่องทางการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจประเภทอื่นๆ ดังนี้ 

  • ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ซึ่งสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ที่นี่ 
  • ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.  ซึ่งสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ช่องทางหลอกลวงและรูปแบบกลโกงให้กู้เงินของมิจฉาชีพมีอะไรบ้าง?

ปัจจุบันพบว่ามิจฉาชีพหลอกให้ประชาชนกู้เงินในหลากหลายรูปแบบ โดยมักจะส่งข้อความเชิญชวนหรือประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง SMS ไลน์ เฟสบุ๊ก เว็บไซต์ หรือโทรศัพท์มาหา โดยใช้ข้อความชวนเชื่อว่า กู้ง่าย ได้เร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ใช้เอกสารน้อย ไม่ต้องมีหลักประกัน ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้ หากเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้สมัครผ่านแอปเงินกู้ หลังจากนั้นจะเริ่มขอเอกสารส่วนตัว เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หน้าสมุดบัญชี แล้วหว่านล้อมหลอกให้เราโอนเงินค่าธรรมเนียม ค่ามัดจำต่าง ๆ หรือเงินค้ำประกันให้ก่อน จึงจะได้เงินกู้ตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งหากประชาชนหลงเชื่อแล้วอาจพบเจอกับสถานการณ์เหล่านี้

- แจ้งว่าเหยื่อกรอกเลขที่บัญชีผิด ต้องโอนเงินค่าธรรมเนียมในการแก้ไขข้อมูลเพิ่ม 

- หากเหยื่อเปลี่ยนใจไม่อยากกู้แล้ว ก็อ้างว่าไม่สามารถยกเลิกได้ ให้เดินทางไปติดต่อที่สำนักงานใหญ่ หรือ แบงก์ชาติ และข่มขู่ให้เหยื่อกลัว

- หากเหยื่อเริ่มรู้ตัวว่าโดนหลอก มิจฉาชีพก็จะปิดการติดต่อโดยการบล็อกไลน์ทำให้ไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพได้อีก

สุดท้ายมิจฉาชีพหายเงียบไปพร้อมค่าธรรมเนียม รู้ตัวอีกทีก็โดนหลอกเสียแล้ว

เงินกู้นอกระบบมีข้อเสียอย่างไร?

อีกหนึ่งกลุ่มสินเชื่อหรือเงินกู้ที่แบงก์ชาติไม่ได้กำกับดูแล คือ เงินกู้นอกระบบ (หนี้ที่ผู้ให้กู้ไม่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน) อีกหนึ่งภัยทางการเงินที่น่ากลัวเช่นกัน เพราะการกู้นอกระบบมักมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ตามกฎหมายคือ การเรียกเก็บดอกเบี้ยต้องไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี หรือร้อยละ 1.25 ต่อเดือน) และมักใช้วิธีทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม เช่น ทวงหนี้ผ่านคนรู้จักทำให้ผู้กู้เกิดความอับอาย ข่มขู่ถึงแก่ชีวิต โดยมิจฉาชีพจะแฝงตัวมาในลักษณะปล่อยเงินกู้ผ่านระบบออนไลน์ เข้ามาขอเป็นเพื่อนผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือ ประกาศในเว็บไซต์ต่างๆ เชิญชวนให้ใช้บริการ อ้างว่ากู้เงินได้เร็ว ไม่ต้องมีหลักประกัน จะเห็นว่าหนี้นอกระบบนั้นทั้งน่ากลัวและอันตราย นอกจากจะโดนเอาเปรียบให้เสียเงิน เสียบ้าน เสียรถ เสียชื่อเสียง เจ็บตัว หมดตัว หรือมีความเสี่ยงถึงชีวิต จึงไม่ควรเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวอย่างเด็ดขาด

เปิดรายชื่อ “แอปฯเงินกู้” ถูกกฏหมาย-พร้อมวิธีแก้ไขหากเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

ด้วยช่องทางและรูปแบบการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่หลากหลาย หากท่านได้รับข้อความกู้เงินด่วนไม่ว่าช่องทางใดก็ตาม อย่าหลงเชื่อลิงก์ที่แนบมาโดยไม่มีแหล่งที่มา และห้ามกดเปิดลิงก์หรือกรอกข้อความใดๆ อย่างเด็ดขาด จนกว่าจะตรวจสอบให้มั่นใจ เพราะอาจเกิดความเสียหายและผลกระทบอีกมากมายที่ตามมาได้ มีดังต่อไปนี้

1. ข้อมูลส่วนตัวโดนขโมยไปแบบไม่รู้ตัว

มิจฉาชีพอาจแฮกข้อมูลส่วนตัวของท่านเพื่อแอบอ้างหรือสวมรอยใช้ในทางมิชอบ ซึ่งอาจทำให้ผู้กู้เกิดความเสียหายและเสียทรัพย์จำนวนมาก เช่น แอบอ้างนำข้อมูลไปเปิดบัญชี e-Wallet ปลอม ปลอมตัวเป็นคนรู้จักด้วยการแฮก LINE หรือ Facebook ขอความช่วยเหลือให้โอนเงินให้ เป็นต้น

2. เสียทรัพย์แต่กลับไม่ได้เงินกู้

มิจฉาชีพมักกำหนดเงื่อนไขการได้รับเงินกู้ที่ไม่ชัดเจน โดยมิจฉาชีพจะอ้างตัวเป็นสถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทให้กู้เงิน หรือเป็นนายหน้าช่วยขอสินเชื่อ และมักจะหลอกประชาชนว่า จะได้รับเงินกู้วงเงินสูง อนุมัติไว ขั้นตอนน้อย แต่จะดำเนินการได้จะต้องโอนเงินค่ามัดจำ หรือเงินค้ำประกันให้ก่อน ท้ายสุดมิจฉาชีพเชิดเงินหนี ประชาชนผู้ถูกหลอกก็จะเสียทั้งทรัพย์และไม่ได้เงินกู้อย่างที่ตั้งใจไว้ 

3. น่ากลัวกว่าที่คิดเพราะอาจอันตรายถึงชีวิต

หากมีการผิดนัดชำระหนี้ ลูกหนี้จะไม่สามารถประนอมหนี้ได้ และมิจฉาชีพมักข่มขู่จนอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้กู้

4. ดอกเบี้ยสุดโหดจ่ายไม่หมดเสียที

เงินกู้นอกระบบมักมีอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ไม่ชัดเจนขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้กำหนด ซึ่งมักเป็นอัตราที่สูงมาก 

สิ่งที่ต้องทำเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก

หากหลงเชื่อโอนเงินและตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแล้ว ต้องทำอย่างไร ? 

1. ตั้งสติ รวบรวมหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครบที่สุดเท่าที่มี 

2. แจ้งความ นำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ 

 3. ติดต่อธนาคาร หลังจากทำการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ให้ติดต่อธนาคารเพื่อแจ้งอายัดยอดเงินบัญชีของมิจฉาชีพ

โดยท่านสามารถดำเนินการและแจ้งเหตุ ตามช่องทางด้านล่างนี้

- แจ้งความดำเนินคดี ณ สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ

- แจ้งเบาะแสที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)

- สายด่วน 1599 หรือ ส่งเรื่องร้องเรียนออนไลน์ได้ที่นี่ >> แจ้งเบาะแส ออนไลน์ 

- กรณีเงินกู้นอกระบบ ติดต่อศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง 

- สายด่วน 1359 หรือ ส่งเรื่องร้องเรียนออนไลน์ได้ที่นี่ >> ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ


ข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง