TNN online ปิดตลาดหุ้นไทยลบ 2.63 จุด จากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น

TNN ONLINE

Wealth

ปิดตลาดหุ้นไทยลบ 2.63 จุด จากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น

ปิดตลาดหุ้นไทยลบ 2.63 จุด จากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น

ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 2.63 จุด ที่ 1,638.34 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย84,751.66 ล้านบาท จากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน

วันนี้( 15ต.ค.64 ) ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ ที่1,638.34 จุดลดลง 2.63 จุดหรือ0.16%ด้วยมูลค่าซื้อขาย84,751.66 ล้านบาท   โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบ ระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1651.41 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ 1,635.14 จุด ช่วงเช้าตลาดปรับขึ้นจากความคืบหน้าในการเปิดประเทศ หลัง ศบค.เริ่มผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จากนั้นเริ่มทยอยขายทำกำไรในช่วงบ่ายโดยเฉพาะกลุ่มหุ้นเปิดเมือง แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นการขายเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะการเปิดประเทศยังมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกมาก 


นักวิเคราะห์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารไตรมาส 4ปีนี้จะทำระดับต่ำสุดของปี เนื่องจากได้รับผลจากการแพร่ระบาดโควิด และ ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลต่อความสามารถการชำระหนี้ของลูกค้า ประกอบกับเป็นไตรมาสที่ธนาคารจะมีการบันทึกค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน โบนัส การตลาด ไอที โดยเฉลี่ยจะสูงถึง 10,000 ล้านบาท ปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะถัดไป คือ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการปรับลดคิวอีของสหรัฐฯที่จะมีผลต่อการลงทุน


ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยช่วงบ่ายดัชนีได้พลิกกลับมาเป็นลบ จากแรงเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น GULF, PTT, BANPU, IRPC เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมวันนี้ยังไม่มีปัจจัยที่เป็นลบ หลังราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง และในประเทศ ก็เริ่มเห็นการคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น แต่มองว่าตลาดฯ น่าจะตอบรับประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ทำให้ไม่ได้ตอบสนองต่อราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้นมากนัก

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เป็นบวก เฉลี่ยตั้งแต่ 0.06-2.4%

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้านักวิเคราะห์ คาดว่า ภาพของตลาดฯ ยังอยู่ในแนวโน้มที่เป็นขาขึ้น โดยนักลงทุนน่าจะให้น้ำหนักไปที่การประกาศผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร ซึ่งทางฝ่ายวิจัย ได้มีการทำบทวิเคราะห์ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทั้งหมด 6 แห่ง โดยคาดว่าภาพโดยรวมจะปรับตัวลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่จะเป็นจุดต่ำสุดในไตรมาส3/64 แล้ว ก่อนจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป  พร้อมให้แนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,658 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับ  ได้แก่          

1. KBANK   มูลค่าการซื้อขาย  4,916.60 ล้านบาท  ปิดที่ 142.50 บาท  เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

2. BANPU   มูลค่าการซื้อขาย  2,708.89 ล้านบาท  ปิดที่  13.10 บาท   ลดลง 0.30 บาท

3. U       มูลค่าการซื้อขาย  2,538.70 ล้านบาท  ปิดที่   1.82 บาท   ลดลง 0.13 บาท

       

ปิดตลาดหุ้นไทยลบ 2.63 จุด จากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น

ที่มา: ตลท. 

ภาพประกอบ : AFP

ข่าวแนะนำ