TNN online ส่อง 10 หุ้นเด่นน่าช้อนซื้อไตรมาส 4 ตัวไหนแจ่ม

TNN ONLINE

Wealth

ส่อง 10 หุ้นเด่นน่าช้อนซื้อไตรมาส 4 ตัวไหนแจ่ม

ส่อง 10 หุ้นเด่นน่าช้อนซื้อไตรมาส 4 ตัวไหนแจ่ม

บล.กสิกรไทยมอง 4 ปัจจัยหลักหนุนหุ้นไทยไตรมาสสุดท้ายปีนี้ คาดหุ้นอิงปัจจัยในประเทศ โดดเด่นกว่าหุ้นอิงวัฏจักรโลก มองดัชนีสิ้นปีแตะ 1,650 จุด ชู 10 หุ้นเด่นน่าลงทุน มีตัวไหนจี๊ดบ้างตามไปดูกันเลย

บล.กสิกรไทยระบุว่า มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/64 จาก 4 ปัจจัยหลักคือ1. การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศจากจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันที่ลดลงและอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น 


2.การอัดฉีดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจากวงเงินที่ยังเหลืออยู่ 1 ล้านล้านบาท3.ความเป็นไปได้มากขึ้นที่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะผ่อนคลายลงในช่วงสิ้นปี 2564  


4.กระแสเงินไหลเข้ามายังประเทศไทยเพราะตลาดหุ้นไทยยัง laggard ตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่อ่อนตัวลง 


ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวแกว่งตัวขึ้นไปแตะระดับเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 1,650 จุด และคาดว่าจะเห็นการกลุ่มเล่นจากหุ้นอิงวัฎจักรโลกมายังหุ้นอิงปัจจัยในประเทศในไตรมาส 4/64


สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตามองในไตรมาส 4/ 64 คือ 1. ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นซึ่งอาจกระตุ้นให้ Fed เริ่มมาตรการ QE tapering และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เราคาดไว้ 2. สภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัวลงและ 3. ความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยในภาคกลาง และกรุงเทพฯ 


อย่างไรก็ตาม คงเป้า SET Index 12 เดือนล่วงหน้าไว้ตามเดิมที่ 1,680 จุด หากเปรียบเทียบกับอัพเดทล่าสุดของเราในเดือน ก.ย. พบว่า EPS 12 เดือนล่วงหน้าของ SET Index ถูกปรับเพิ่มขึ้น +0.9% MoM มาอยู่ที่ 93.02 บาทต่อหุ้น


ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี เพิ่มขึ้น 19 bps MoM มาที่ 1.79% เป้าหมาย EYG ของเราคำนวณได้ที่ 3.72% หรือ -0.75SD ของค่าเฉลี่ย (ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 3.90% หรือ -0.625SD) สมมติฐานพื้นฐานของเราอยู่ระหว่างสมมติฐานที่ 1 (สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงทางการค้าใหม่ /เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาส 1/65) 


สมมติฐานที่ 2 (เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาส 3/65)  หรืออยู่ระหว่าง EYG ที่ -0.875SD และ -0.625 SD เรามองเห็นความคืบหน้าของความสัมพันธ์ทางการค้า ระหว่างสหรัฐฯ และจีน 


ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะสงบลงชั่วคราวหลัง เมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของหัวเว่ย ได้รับอิสรภาพให้เดินทางกลับจีนเมื่อเดือนที่แล้วหลังทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ 


กรมควบคุมโรคคาดว่าจำนวนการส่งมอบวัคซีนรวมจะอยู่ที่ 152.9 ล้านโดส ในปี 64 มากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 100 ล้านโดส ในช่วงสิ้นปี 64 เป้าหมาย SET Index 12 เดือนล่วงหน้าของเราที่ 1,680 จุด คำนวณด้วย EPS ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 93.02 บาทต่อหุ้นและ EYG ที่ 3.72% ซึ่งบ่งชี้ว่าเป้าหมาย SET Index สิ้นปี 64/65 จะอยู่ที่ 1,650/1,710 จุด


กลยุทธ์การลงทุน 4 ธีม ได้แก่       

-หุ้นอิงปัจจัยการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ 

BBL        ซื้อ     ราคาเป้าหมาย   150.00  บาท

CPALL     ซื้อ     ราคาเป้าหมาย    73.00  บาท

CPN        ซื้อ     ราคาเป้าหมาย    58.50  บาท 

AOT        ถือ     ราคาเป้าหมาย    64.46  บาท 

SPRC      ซื้อ     ราคาเป้าหมาย    11.10  บาท  

AWC       ซื้อ     ราคาเป้าหมาย      6.55  บาท   


คาดว่าบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวหลังวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีแรงหนุนมาจากการผ่อนปรนมาตรการล็อก

ดาวน์และการกลับมาเปิดพรมแดน


-หุ้นที่มีทิศทางกำไรดีในปี  64 

ASK       ซื้อ      ราคาเป้าหมาย      50.00 บาท

KCE       ซื้อ      ราคาเป้าหมาย    100.00 บาท 

เราคาดว่า ASK และ KCE จะรายงานอัตราการเติบโตของกำไรทั้งปี  64 ที่ 38% และ 114% ตามลำดับ


-หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดีล M&A ระหว่าง DTAC และ TRUE  

DIF       ซื้อ      ราคาเป้าหมาย      15.99 บาท 


เราคาดว่า DIF จะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักหาก DTAC และ TRUE บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการ (ความเป็นไปได้อยู่ที่ 25%) จากการสปินออฟทรัพย์สินของ DTAC เข้า DIF เราคาดว่า DIF จะจ่าย DPS ที่ปีละ 1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราตอบ แทนเงินปันผลที่ 7.7%  


-หุ้นกลุ่มรับเหมา 

CK ซื้อ ราคาเป้าหมาย 29.79บาท คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐหลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด-19 


ส่อง 10 หุ้นเด่นน่าช้อนซื้อไตรมาส 4 ตัวไหนแจ่ม




ที่มา :บล.กสิกรไทย

ภาพประกอบ : พิกซาเบย์ ,บล.กสิกรไทย 

ข่าวแนะนำ