ส่องหุ้นได้-เสียประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า
บล.เอเซียพลัสมองเงินบาทอ่อนค่าจาก 3 ปัจจัยหลัก ชี้ทุก 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากหุ้นไทยเฉลี่ย 6.9 พันล้านบาท ส่วนหุ้นตัวไหนได้-เสียประโยชน์ตามไปดูกันเลย
บล.เอเซียพลัสระบุว่า กระแสทิศทางเงินบาทอ่อนค่าเร็ว ล่าสุดเช้าอยู่ที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (สูงสุดในรอบ 4 ปี) โดยตลอดทั้งเดือนนี้ (Mtd) อ่อนค่ารวมกันแล้ว 5.2% สูงกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยคาดปี 64 ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และยังมีแนวโน้มอ่อนค่า
ทั้งมาจากทาง Technical ที่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากผ่านแนวต้านสำคัญ 33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ยังมีพื้นที่ขยับขึ้นได้อีกมาก ขณะที่กรอบแนวต้านสำคัญอยู่บริเวณเดียวกับช่วง Tapering QE ปี 2556 ที่ 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ทาง Fundamental : มี 3 ปัจจัยหลักๆ ที่กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงต่อ 1. ความกังวล Fed จะส่งสัญ ญาณลดระดับ QE ใกล้เข้ามา
2. การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ เริ่มสวนทางกัน อาทิ สหรัฐ ยุโรป เริ่มทยอยใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น ตรงข้ามกับประเทศในแถบเอเชียรวมถึงไทย ที่ยังจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อ 3. ประเด็นน้ำท่วมในประเทศยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง
โดยรวมแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลกระทบต่อ Fund Flow ชะลอไหลเข้าตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนมีโอกาสขาด ทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น และยังสอดคล้องกับสถิติในอดีต คือ เวลาค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทุกๆ 1% จะกดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากหุ้นไทยเฉลี่ยราว 6.9 พันล้านบาท
ในทางกลับกันช่วยหนุนต่อภาคส่งออก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดยฝ่ายวิจัย ASPS ทำการรวบรวมหุ้นเด่นได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่ามีดังนี้
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมิน ทุกๆ บาทอ่อนค่าลงมากกว่าสมมุติฐาน 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มส่งออกชิ้นส่วน 5.8% ,อาหาร4.8% , รับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง มีกำไรเพิ่มขึ้น 3% - 9%
อย่างไรก็ตาม ด้านกลยุทธ์การลงทุนภายใต้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงผันผวนสลับกลุ่มลงทุน แนะเลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวหนุน KCE (กำไร 3Q64 เด่น ได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่าแรง) , KBANK (กนง.ปรับเป้าเศรษฐกิจไทยปีหน้าขึ้นเป็น 3.9 % ), DOHOME (หุ้นที่ช่วยลดความเสี่ยงน้ำท่วม)