สยามคูโบต้า ประกาศพร้อมก้าวสู่การเป็น The Most Trusted Brand ในอาเซียน
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกาศเส้นทางก้าวสู่การเป็น The Most Trusted Brand ในอาเซียน เผยเป้าหมายหลักคือการยกระดับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยและอาเซียนให้มั่นคงยิ่งขึ้น มองภาคการเกษตรของไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ขยายธุรกิจใหม่ตอบโจทย์ Smart Farmer หนุนสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ
วันนี้( 29 ก.ย.64) นายทาคาโนบุ อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า สยามคูโบต้า ยังคงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ผสานกับการสร้างประสบการณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยแก่เกษตรกรไทย เพื่อคงจุดยืนการเป็น “นวัตกรรมเกษตรเพื่ออนาคต” โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการในการทำการเกษตรด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร และโซลูชั่น ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ตลอดจนสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต นำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งมีเป้าหมายในการยกระดับภาคเกษตรกรรมของอาเซียนให้มั่นคงมีการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชากรทั่วโลกมีความมั่นคงทางอาหารในการบริโภคจากผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย สอดรับเทรนด์โลก ในปี 2030 ตามนโยบายของคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่วางแนวทางดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าเพื่อสานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม โดยมีกลยุทธ์มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ชั้นนำระดับโลก GMB (Global Major Brand) ให้เกิดขึ้นจริง พร้อมเป็น The Most Trusted Brand ของเกษตรกรทั่วโลก
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตรไทยนั้น ทำให้เกิดแรงงานคืนถิ่นกลับสู่ภาคเกษตรมากขึ้นกว่า 1.6 ล้านคน ส่งผลให้เกิดความต้องการการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงแรกนั้นสินค้าทางการเกษตรได้รับผลกระทบจากการส่งออก เนื่องจากความต้องการของต่างประเทศที่ลดลงจากเศรษฐกิจหดตัว รวมไปถึงปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าว และมันสำปะหลัง แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มกลับมาอยู่ในเกณฑ์ดีทำให้สถานการณ์ส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น
“บริษัทฯ มองว่าภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดการณ์ GDP ภาคเกษตรของไทยเติบโต 2-3% และ GDP ภาคเกษตรของกัมพูชาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ 6%"
ด้านการจัดส่งสินค้าให้ทันกับความต้องการ ยังเป็นเรื่องที่มีความท้าทายอย่างมาก ด้วยการผลิตของ supplier ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดทำให้เกิดการหยุดผลิตเป็นบางช่วง อย่างไรก็ตามสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการใช้มาตรการ Bubble & Seal และการเร่งจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น เพื่อให้พร้อมส่งมอบสินค้าให้ทันกับความต้องการของตลาด ส่วนการให้บริการลูกค้า บริษัทฯ ยังรักษาระดับการให้บริการลูกค้าให้มีความพึงพอใจสูงสุด โดยดูแลเรื่องความสะอาดปลอดภัยพร้อมเคร่งครัดต่อมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการเข้าไปปฏิบัติงานของผู้ให้บริการ และยังมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือใหม่ๆ มาปรับใช้ในองค์กร เข้าสู่ยุค Digital Transformation และยังเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ อาทิ รถดำนาเดินตาม 4 แถว โดรนเพื่อการเกษตร โรงเรือนอัจฉริยะ (Greenhouse) และรถปลูกผัก (Vegetable Planter) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนทำการเกษตร โดยนำนวัตกรรมและองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งจากคูโบต้า ประเทศญี่ปุ่น และการศึกษาวิจัยของทีมผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ เข้ามาพัฒนาประยุกต์ใช้กับภาคการเกษตรของไทย
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในภาพรวมของบริษัทตั้งแต่ปี 2561 - 2563 ที่ผ่านมาพบว่า เครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นยอดขายหลักของบริษัท ได้แก่ แทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าวมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ลูกค้าเก่าของบริษัทฯ มีการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 30% เนื่องจากมีการขยายพื้นที่การเพาะปลูก อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจเข้ามาทำการเกษตรมากขึ้น โดยจากแนวโน้มการใช้งานของลูกค้าปัจจุบันบางส่วนที่มีการหันมาใช้สื่อออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียและดิจิทัลแพลตฟอร์มด้านการเกษตร แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของกลุ่มเกษตรกรที่เป็น Smart Farmer
“สำหรับภาคการเกษตรในปี 2564 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวโดยมาจากปัจจัยบวกเรื่องสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตรมากขึ้น โดยคาดว่า จะมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก และไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์พายุฤดูฝนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด รวมถึงความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าเกษตรและปริมาณผลผลิตภายในประเทศ สำหรับครึ่งปีหลังน่าจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยมีปัจจัยบวกที่ทำให้ภาคการเกษตรของไทยกลับมาดีขึ้น เกิดจากการมีแรงงานกลับสู่ภาคเกษตร ด้านการส่งออก ตลาดมีความต้องการสินค้าเกษตรก็เพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจของโลก รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง นอกจากนี้ ยังมีความต้องการของพืชมูลค่าสูงใหม่ ๆ เช่น สมุนไพรและผลไม้ สินค้าเกษตรปลอดภัยเกษตรอินทรีย์ ด้านนวัตกรรมการเกษตร มีแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี IOT และนวัตกรรมมาใช้ในภาคการเกษตร แบบ Smart Farming เพื่อยกระดับการพัฒนาเกษตรกรรมใน 4 ด้าน ได้แก่ ลดต้นทุุนในกระบวนการผลิต เพิ่มผลผลิต คุณภาพสินค้าและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ลดความเสี่ยงในภาคเกษตรที่เกิดจากการระบาดของศัตรููพืชและจากภัยธรรมชาติ และจัดการส่งผ่านความรู้โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเกษตรกรสามารถเรียนรู้โซลูชั่นนวัตกรรมเกษตรต่างๆ ด้วยตนเองได้ที่คูโบต้าฟาร์ม ซึ่งต่อยอดแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS เกษตรครบวงจร สู่การพัฒนาเป็น Innovative Farming Experience Center ที่สร้างประสบการณ์การเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสนับสนุนการใช้ Smart Farming Platform เพิ่มการเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร ผ่านการเช่าหรือแชร์การใช้งานเครื่องจักรฯ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ครัวเรือนมากขึ้น
ที่มา: บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด สื่อสารองค์กร สยามคูโบต้า