หุ้นไทยแดงยกแผง! อิเล็กทรอนิกส์-ไฟแนนซ์ถ่วงตลาด
หุ้นไทยปิดลบ 11.13 จุด แรงขายหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะDELTA ร่วง 5% ผสมโรงหุ้นไฟแนนซ์กดตลาด ประเมินแนวโน้มพรุ่งนี้แกว่งผันผวนไม่มีทิศทางชัดเจน ประเมินกรอบแนวรับ 1,610 จุด แนวต้าน ที่ 1,635 จุด ชู 3 หุ้นเด่นน่าลงทุน
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,620.02 จุด ลบ 11.13จุด หรือ 0.68% ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,639.97 จุด ต่ำสุด 1,616.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135,801.95 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบจากแรงกดดันหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3.5 จุด โดยเฉพาะ DELTA ปรับตัวลง 5% ผสมโรงกับหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น KTC, TIDLOR ,SAWAD และMTC ที่ปรับตัวลงกันยกแผง เนื่องจากตลาดมีความกังวลการแข่งขันในกลุ่มอุตสาหกรรมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ SCB ปรับโครงสร้างองค์กร
สำหรับหุ้นที่ดันตลาดวันนี้เป็นกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นแตะระดับราคา 80เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลสูงสุดนับตั้งแต่ต.ค. 2018 แรงหนุนจากซัพพลายออกมาช้า หลังจากที่สหรัฐฯประสบพายุเฮอริเคน ประกอบกับดีมานน้ำมันในหลายประเทศฟื้นตัวหลังจากรับมือโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้มากขึ้น ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ก็ยังยืนบวกได้ เช่น KBANK บวก 3.05% BBL บวก 0.85%
นอกจากนี้ศบค.ไฟเขียวต่อพรก.ฉุกเฉินออกไปอีก 2 เดือนหรือสิ้นสุดพ.ย.นี้ พร้อมขยับเวลาเคอร์ฟิวจาก 21.00 - 04.00 น.ขยับไปเป็นเวลา 22.00 - 04.00 น.-ผ่อนคลายกิจการ เช่น สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (นวด สปา)กีฬาในร่ม โรงภาพยนตร์ เป็นต้น แต่็ยังจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) 29 ก.ย.นี้ตัวเลขภาคการผลิต PMI สหรัฐฯ จีน และยุโรป รวมถึงสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศจะขยายวงกว้างหรือไม่
ส่วนแนวโน้มหุ้นไทยพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งผันผวนไม่มีทิศทางชัดเจน ประเมินกรอบแนวรับ 1,610 จุด แนวต้านที่ 1,635 จุด หุ้นที่น่าลงทุนคือหุ้นได้รับประโยชน์จากการลดเวลาเคอร์ฟิว เช่น CPALL หุ้นรับอานิสงส์บาทอ่อน MCS และหุ้น KBANK เพราะราคาผ่านการปรับฐานจน PBV ซื้อขายที่ 0.58 เท่า เป็นจุดทยอยสะสมขณะที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี ปรับตัวขึ้นเพียง 7.9%
ที่มา : นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส
ภาพประกอบ : TNN Online