ต่างชาติ-บัญชีบล.แห่ซื้อหุ้นไทย หนุนดัชนีปิดบวก

ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 3.02 จุด สอดรับตลาดหุ้นภูมิภาค แรงซื้อค้าปลีก-ปิโตรเคมีดันตลาด เกาะติดประชุมครม.-กนง.-เงินเฟ้อสหรัฐ ประเมินกรอบแนวรับพรุ่งนี้ 1,665 จุด แนวต้านที่ 1,685 จุดชู 2 หุ้นเด่นปันผลสูง
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,677.24 จุด บวก 3.02 จุด หรือ 0.18% ระหว่างดัชนีสูงสุดที่ระดับ1,681.17 จุด และต่ำสุดที่ 1,667.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 76,267.45 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เขียวสดใส
ยกเว้น ตลาดเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินเดียที่ปิดลบ
สำหรับหุ้นที่ดันตลาดวันนี้เป็นกลุ่มค้าปลีก ปิโตรเคมี พลังงาน ประกัน เช่น CRC, CPALL,IVL,PTT,BLA ขณะที่มูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่าต่างประเทศซื้อสุทธิ 3,670.44 ล้านบาทบัญชีบล.ซื้อสุทธิ 325.28 ล้านบาทสถาบันขายสุทธิ 2,494.86 ล้านบาทในประเทศขายสุทธิ 1,500.86 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุมครม.ต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 8 ก.พ.นี้การประชุมคณะกรรมการนโยนบายการเงิน(กนง.) วันที่ 9 ก.พ.นี้คาดว่าคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% เหมือนเดิม รวมถึงเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นปันผลสูงในช่วงตลาดผันผวน เช่น TOP ราคาเป้าหมาย 63 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q64 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง137.6% QOQ ซึ่งดีจากทั้งกำไรปกติ และกำไรพิเศษ โดยกำไรปกติคาดเพิ่มขึ้น 67.5%QOQ เป็นผลมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่ฟื้นตัว ค่าการกลั่นขึ้นมาอยู่ระดับ 5.3 จาก 1.6เหรียญฯต่อบาร์เรล
ทั้งนี้คาดกำไรปกติ 1Q65 จะเห็นการเติบโตต่อ QOQเนื่องจากยังอยู่ในช่วง high season ของโรงกลั่น ช่วงฤดูหนาว และสถานการณ์ COVID ที่ค่อยๆผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ คาดกำไรปกติทั้งปี 2565 จะเห็นการเติบโตต่ออีก25.9%yoyประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 65 เท่ากับ 63 บาท/หุ้น มอง
เป็นโอกาสหาจังหวะทยอยซื้อสะสมลงทุนระยะยาว
หุ้นเด่นอีกตัวคือ SCCC ราคาเป้าหมาย 210 บาท ยอดขาย 4Q64 ฟื้นตัวดีขึ้นเทียบกับ 3Q64 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมากที่สุด ได้แรงหนุนจากการลงทุน
โครงสร้างพื้นฐานและภาคที่อยู่อาศัย และมีการยกเลิกเพดานราคาปูนซีเมนต์ ประเมินกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 708ล้านบาท (+5%QoQ,-24%YOY)การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่น่าจะทำให้การปรับราคาปูนซีเมนต์ทำได้ดีขึ้นในปีนี้ เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Sccc
ยังคงมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งของงบดุล พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการลดต้นทุนและโครงการที่สร้างผลตอบแทนคืนมาได้เร็วประเมินราคาเหมาะสมอิง PER 18 เท่า ให้ราคาเหมาะสม210 บาท คาดหวังเงินปันผลปี 2564 เต็มปีที่ 9 บาท คิดเป็น Yield 5.5% อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบแนวรับพรุ่งนี้ 1,665 จุด แนวต้านที่ 1,685 จุด
ที่มา : นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส
ภาพประกอบ : บล.เอเซีย พลัส