แรงหนุนหุ้นพลังงาน-อานิสงส์จ่อเปิดเมืองกรุงเทพ ดันตลาดปิดบวก 3.66 จุด
ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดปรับขึ้น 3.66 จุดที่ระดับ 1,631.70 จุด มูลค่าซื้อขาย 79,594.58 ล้านบาท รับแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และอานิสงส์เตรียมเปิดรับต่างชาติตามโครงการ กรุงเทพแซนด์บ็อกซ์
วันนี้ (16 ก.ย.64)ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,631.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด หรือ0.22 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79,594.58 ล้านบาท ดัชนีทำระดับสูงสุด 1,636.01 จุด และระดับต่ำสุด 1,628.57 จุด
หุ้นไทยวันนี้มีการเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบ อีกทั้งมีการเข้าซื้อของหุ้นพลังงานจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น รวมทั้งรัฐบาลเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงเดือน ต.ค. หรือกรุงเทพแซนด์บ็อกซ์ ที่เตรียมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วงวันที่ 15 ต.ค. จากเดิมแผนนำร่อง 5 จังหวัด (กทม. ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่) จะเริ่ม 1 ต.ค. มีแนวโน้มที่กทม.จะเลื่อนเป็น 15 ต.ค. เพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้เกิน 70% ขณะที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดการระบาดระลอกใหม่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มธีมเปิดเมือง อีกทั้งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผยุงตลาดให้ไปต่อได้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ แกว่งตัวไซด์เวย์ เพราะขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนการลงทุน โดยคืนนี้ มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ซึ่งจะมีส่วนจะมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield)
ส่วนแนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ ให้แนวรับ 1,630 จุด แนวต้านที่ 1,640 จุด รอการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC)ในวันที่ 21-22 ก.ย.ว่าจะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ (QE Tapering) ตลาดคาด 70% ส่วน 30% คาดว่าจะไม่ส่งสัญญาณ QE Tapering ซึ่งหากไม่ส่งสัญญาณตลาดหุ้นอาจตอบรับเชิงบวกอ่อนๆ
ด้าน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล. ไอร่า เปิดเผยว่าปัจจุบันนักลงทุนไทย โดยเฉพาะรายย่อย ให้ความสนใจเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทปรับตัวขึ้นมาจนมูลค่าเริ่มตึงตัว และปรับขึ้นจำกัด ส่วนหุ้นขนาดเล็กที่มีราคาต่ำเมื่อปรับขึ้นมักจะปรับขึ้นแรงจนเรียกความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างมาก จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นขนาดเล็กมีการซื้อขายผิดปกติ เนื่องจากมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง และมีสภาพคล่องต่ำ นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,212.40 ล้านบาท ปิดที่ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,112.99 ล้านบาท ปิดที่ 562.00 บาท ลดลง 12.00 บาท
3.SCGP มูลค่าการซื้อขาย 2,828.50 ล้านบาท ปิดที่ 64.50 บาท ลดลง 1.75 บาท
4.GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,318.82 ล้านบาท ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,228.37 ล้านบาท ปิดที่ 13.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
ศึกษาข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติม คลิกที่นี่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
