หุ้นไทยปิดวันนี้บวกได้ 4.20 จุด หลังแกว่งตัวในกรอบแคบ
หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,628.04 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,187.40 ล้านบาท หลังแกว่งตัวในกรอบแคบ นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มวันพรุ่งนี้ฟื้นตัว ให้แนวรับ 1,615-1,620 จุด แนวต้าน 1,643-1,660 จุด
วันนี้( 15 ก.ย.64) ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,628.04 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด (+0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 73,187.40 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบ แม้ในช่วงเช้าดัชนีปรับขึ้นในแดนบวกเล็กน้อยจากการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มไอซีที อาทิ อินทัช แอนวานซ์ และหุ้นพลังงาน ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่วนในช่วงบ่ายเริ่มผันผวนในแดนบวกและลบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีนัยสำคัญต่อตลาดมากนัก
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 684 หลักทรัพย์ ลดลง 880 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 614 หลักทรัพย์
นักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวบวกลบไม่มากจากบรรยากาศตลาดหุ้นเอเชียกดดัน แม้ว่าประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐเป็นบวก แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนมีสัญญาณชะลอตัว ทำให้กังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเอเชีย
ขณะที่บรรยากาศการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก ธีมเปิดเมืองยังดีพอสมควร แต่ก็ได้รับอิทธิพลด้านลบจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีกระแสข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะออกมาตรการดูแลหุ้นฟรีโฟลตต่ำ เช่น DELTA, INTUCH, MAKRO, LHFG อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลงไปมากเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาทำให้วันนี้ปรับลงไม่มากแล้ว
ส่วนประเด็นการเมืองไม่ค่อยมีผลต่อการลงทุนมากนัก โดยอาจจะกระทบหุ้นบางกลุ่ม เช่น กลุ่มธุรกิจสัมปทาน กลุ่มงานประมูล เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงการจัดการผลประโยชน์ และเกิดความล่าข้าในการประมูล
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดตลาดน่าฟื้นตัวและมีทิศทางเป็นบวกต่อไปได้ ให้แนวรับ 1,615-1,620 จุด แนวต้าน 1,643-1,660 จุด
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า การจัดพอร์ตลงทุนช่วงสัปดาห์นี้แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นต่างประเทศลง5% เหลือ 30% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดทั่วโลก ส่วนหุ้นในประเทศควรเพิ่มสัดส่วนขึ้นอีก 5% เป็น 30% หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น ผู้ติดเชื้อรายวันลดลงทำให้ดัชนีผันผวนต่ำ ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารอื่นๆ เน้นผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนในหุ้นไทยอย่างหุ้นกู้อนุพันธ์ 15% พร้อมกับเพิ่มน้ำหนักในตราสารหนี้เป็น 20% ส่วนตลาดเงินให้น้ำหนัก 5% แล้วรอจังหวะเพิ่มเติมในเดือนต่อไป
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,322.20 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,209.13 ล้านบาท ปิดที่ 574.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
3.INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 2,108.94 ล้านบาท ปิดที่ 82.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,967.50 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,762.36 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
