แรงขายทำกำไรหุ้นสื่อสาร-พลังงาน ฉุดตลาดหุ้นไทยร่วง

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,629.12 จุด ลบ 11.33 จุดหรือ  0.69 % ระหว่างวันซื้อขายสูงสุด 1,646.07  จุด และต่ำสุดที่ 1,626.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 91,074.37 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบสอดรับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ลบกันเป็นทิวแถว  หลังรัฐบาลจีนออกมาตรการเข้มงวดการกำกับดูแลธุรกิจเกมทำให้หุ้น จีนที่จดทะเบียนในสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก  เช่น เน็ตอีส และหุ้น Bilibili  นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปเปิดมาช่วงบ่ายก็ติดลบเป็น sentiment เชิงลบต่อตลาด

สำหรับหุ้นที่กดตลาดวันนี้เป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรงมาก่อนหน้านี้ เช่น สื่อสาร พลังงาน และอิเลคทรอนิกส์แม้ว่าหุ้นที่ปรับตัวขึ้นวันนี้เป็นโรงกลั่นและปิโตรเคมี เช่น TOP,IVL  แต่ไม่สามารถพยุงตลาดไว้ได้ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่านักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,829.55 ล้านบาท ในประเทศซื้อสุทธิ 1,088.77 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ 548.78  ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 2,369.54 ล้านบาท

ส่วนปัจจัยที่ติดตามยังเป็นการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ในช่วงเย็นนี้ consensus คาดการณ์ว่าหากเฟดส่งสัญญาณลดคิวอีทำให้เงินยูโรแข็งค่ากดดอลลาร์อ่อนและส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า ซึ่งทำให้หุ้นไทยได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้า แต่ในทางตรงกันข้ามหากยังไม่ส่งสัญญาณอะไรเลยยูโรจะอ่อนค่าดอลลาร์กลับมาแข็งเงินบาทก็จะอ่อนกดเงินทุนเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ในวันพรุ่งนี้ติดตามศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิวหรือไม่  หากยกเลิกส่งผลดีต่อหุ้นเปิดเมือง เช่น CPALL,BTS,BEM   รวมถึงติดตามการโหวตแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 

ด้านกลุยทธ์การลงทุนเน้นหุ้นได้ประโยชน์จากการยกเลิกเคอร์ฟิว เช่น CPALL หุ้นขนาดใหญ่ราคาแลกการ์ด เช่น ADVANC

และหุ้นส่งออก เช่น TU ประเมินกรอบแนวรับพรุ่งนี้ 1,620 จุด แนวต้านที่ 1,645 จุด