TNN online “ออริจิ้น” ผนึก “JWD” เปิดตัว ALPHA ลุยพัฒนาธุรกิจอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมครบวงจร

TNN ONLINE

Wealth

“ออริจิ้น” ผนึก “JWD” เปิดตัว ALPHA ลุยพัฒนาธุรกิจอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมครบวงจร

“ออริจิ้น” ผนึก “JWD” เปิดตัว ALPHA   ลุยพัฒนาธุรกิจอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมครบวงจร

ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ผนึก เจดับเบิ้ลยูดี ตั้งบริษัทใหม่ ALPHA บุกธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม ครบวงจร ตั้งเป้า 5 ปี ขึ้นแท่น Top 3 เล็งแต่งตัวเข้าตลาดปี 68

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสัง หาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า  บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD จัดตั้งบริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 เพื่อผสานจุดแกร่งของทั้ง 2 บริษัทในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  สำหรับอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจร ภายใต้แบรนด์ แอลฟา (ALPHA)  ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 100 ล้านบาท และปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะชำระทุนเพิ่มอีก 500 ล้านบาท  คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มทุนเป็น 2,300 ล้านบาท  


ทั้งนี้เราเชี่ยวชาญด้านการหาที่ดิน การจัดการต้นทุนในการพัฒนาโครงการ มีพันธมิตรด้านอสังหาฯชั้นนำจากญี่ปุ่นและเกา หลีใต้ และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในฝั่ง B2C 


ขณะเดียวกัน เจดับเบิ้ลยูดี ก็เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารคลังสินค้า บริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ มีเครือข่ายที่แข็งแรงอยู่ทั่วอาเซียน ตลอดจนมีฐานลูกค้าที่กว้างขวางโดยเฉพาะในฝั่ง B2B ความร่วมมือระหว่างเราและเจดับเบิ้ลยูดีในครั้งนี้ จึงถือเป็นการสร้าง Synergy ผสานความแข็งแกร่งของทั้งคู่เข้าด้วยกันในการตอบโจทย์ตลาดอย่างครบวงจรทั้งในฝั่ง B2B และ B2C เราเชื่อมั่นว่า ความแข็งแกร่งของทั้งคู่จะนำพา แอลฟา ให้สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปี  68 และก้าวขึ้นเป็น Top 3 ของธุรกิจนี้ได้ภายใน 5 ปี

  

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD กล่าวว่า แอลฟา จะมุ่งดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.อสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรม (Industrial Property) อาทิ คลังสินค้า ศูนย์โลจิสติกส์ สวนอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ระบบการจัดการคลังสินค้าออนไลน์ (Order  Fulfill ment)


2.อสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนเมือง (Urbanized Property) อาทิ บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน (Self-Storage) ในคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร บริการคลังสินค้าออนไลน์ย่อย (Micro-fulfillment Center) 3.การบริการด้านอสังหาริม ทรัพย์ (Property Services) อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มการบำบัดน้ำเสีย กลุ่มก่อสร้าง


นอกจากนี้มองว่าความต้องการด้านโลจิสติกส์โซลูชั่นในประเทศไทยยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น เฉพาะทางมากขึ้น เราและออริจิ้นจึงจะบูรณาการ Total Solutions ที่แตกต่างจากตลาด เราไม่ได้แค่หาที่ดินมาพัฒนาคลังสินค้า แต่เราจะมีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ ระบบออโตเมชั่น หุ่นยนต์ และบริการที่ซับซ้อนอื่นๆ 


พร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าฝั่ง B2B ในหลากหลายประเภทธุรกิจ ขณะเดียวกัน เราก็สร้างประสบการณ์ หรือ Customer Experience ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคในโครงการที่อยู่อาศัย ให้สามารถทำธุรกิจ e-Commerce จากที่พักอาศัยได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของเราจะตอบโจทย์ความต้องการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจร


ทั้งนี้ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2568 แอลฟา จะมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าภายใต้การบริหารมากกว่า 1 ล้าน ตร.ม. พร้อมทั้งมีมูลค่า REIT Value ในระดับ 12,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน จะพิจารณานำสินทรัพย์ในกลุ่มต่างๆ เข้าจดทะเบียนเสนอขายแก่นักลงทุนในรูปแบบทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ด้วยภายในปี 2566 อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะรับรู้รายได้ไตรมาส 2 ปีหน้า


“ออริจิ้น” ผนึก “JWD” เปิดตัว ALPHA   ลุยพัฒนาธุรกิจอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมครบวงจร


นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจอีคอม เมิร์ซและธุรกิจอาหารในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ประกอบกับนโยบายการสนับสนุนต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นโยบายการส่งเสริมการผลิตรถ EV 


ตลอดจนความต้องการที่สูงขึ้นของกลุ่ม Urbanized Property ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาห กรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงจะใช้จุดแตกต่างทั้งด้านความยืดหยุ่นและความสามารถนำเสนอ Logistics Solution ที่ซับซ้อน ทันสมัย และครบวงจรให้แก่ลูกค้า มาเจาะตลาดลูกค้าเป้าหมายหลัก 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอีคอมเมิร์ซ 


2.กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ห้องควบคุมอุณหภูมิ (Cold Storage) เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 3.กลุ่มเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย 4.กลุ่มธุรกิจยานยนต์และ EV 5.กลุ่ม Urbani zed property 6.กลุ่ม Data Center


สำหรับการเติบโตของแอลฟา ในช่วง 5 ปีนี้ จะเป็นการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) ในสัดส่วน 60% ผ่านการพัฒนาพื้นที่บริหารประมาณ 120,000 ตร.ม.ต่อปี และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ในสัดส่วน 40% ผ่านการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใต้การบริหารอีกราว 80,000 ตร.ม.ต่อปี 


โดยมองทำเลการเติบโตในหลากหลายกลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรม อาทิ บางนา แหลมฉบัง ระยอง และวังน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทจะมุ่งไปก่อนเป็นกลุ่มแรกในปีนี้ 


2.กลุ่มคลัสเตอร์ระดับภูมิภาค อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ 3.กลุ่มศูนย์กลางธุรกิจ (CBDs) ทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองหลักในจังหวัดต่างๆ 4.กลุ่มตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเติบโตของภาคอุต สาหกรรม อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา


“เราจะเริ่มบุกด้วยทำเลที่มีความต้องการสูงและออริจิ้นเชี่ยวชาญอยู่แล้วอย่างโซนบางนา-EEC ขณะเดียวกัน การจะขยายไปยังตลาดต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเจดับเบิ้ลยูดี มีการลงทุนและพันธมิตรทั้งในเวียดนามและอินโดนีเซียอยู่แล้ว เราจึงน่าจะสร้างทั้ง Organic Growth และ Inorganic Growth จนมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ารวม 1 ล้าน ตร.ม.ได้ตามเป้า”  


ทั้งนี้บริษัทจะเริ่มพัฒนาโครงการแรกภายใต้ชื่อ แอลฟา บางนา กม.22 (ALPHA Bangna KM.22) ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 24 ไร่ บน ถนนบางนา ตราด กม.22 เป็นโครงการคลังควบคุมอุณหภูมิแบบ Multi-temperature ที่มีตัวอาคารสูงพิเศษกว่า 23 เมตร และเป็นโครงการแรกของไทยที่เป็นคลังสินค้าออนไลน์  สำหรับธุรกิจ E-Commerce   แบบควบคุมอุณหภูมิ (Tem perature-Controlled Fulfillment Center) รองรับระบบการจัดเก็บอัตโนมัติ (ASRS) 


โดยมีขนาดพื้นที่กว่า 22,000 ตร.ม.  สามารถตอบสนองการจัดการด้านโลจิสติกส์และมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มีเทค โนโลยีที่ทันสมัยในส่วนของระบบห้องเย็นและระบบออโตเมชั่น ทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงต่ำ ขณะเดียวกัน ก็ใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง โดยเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายไตรมาส 2/2564 และเริ่มรับรู้รายได้ได้ในช่วงไตรมาส 1/2565


สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 86 โครงการ เช่น  แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) แฮมป์ตัน (Hampton) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 134,000 ล้านบาท 


2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร


สำหรับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ JWD ดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร ครอบคลุม 8 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีพื้นที่ให้บริการวมทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 2 ล้านตารางเมตร โดยธุรกิจหลักคือกลุ่มโลจิสติกส์ ซึ่งบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญกลุ่มสินค้าที่ต้องการความชำนาญเป็นพิเศษในการบริหารจัดการด้านคลังสินค้าและขนส่ง ได้แก่ สินค้าอันตราย สินค้าควบคุมอุณหภูมิ รถยนต์และส่วนประกอบ และสินค้าอื่นๆทั่วไป ธุรกิจกลุ่มอื่นๆ ของบริษัทได้แก่ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจไอทีโซลูชั่น และ ธุรกิจการลงทุน


ข่าวแนะนำ