นักลงทุนตอบรับคลายล็อกดาวน์ หนุนหุ้นไทยปิดพุ่ง 9.29 จุด
หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,611.20 จุด ปรับขึ้น 9.29 จุด หรือคิดเป็น +0.58% ด้วยมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 95,446 ล้านบาท จากการที่นักลงทุนตอบรับรัฐบาลผ่อนคลายล็อกดาวน์
วันนี้( 27 ส.ค.64) ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,611.20 จุด ปรับขึ้น +9.29 จุด หรือคิดเป็น +0.58% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 95,446 ล้านบาท อยู่ในกรอบ 1,600.00-1,615.22 จุด โดยหุ้นไทยปรับขึ้นในแดนบวกตลอดทั้งวัน ตอบรับความคืบหน้าการเปิดเมืองที่ล่าสุด ศบค. มีมติผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และให้เปิด กิจการ กิจกรรมความเสี่ยงต่ำในระยะที่ 1 อาทิ การเปิดให้บริการร้านอาหารแบบมีแอร์ 50% ไม่มีแอร์ 75% ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อในหุ้นขนาดใหญ่
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 855 หลักทรัพย์ ลดลง 867 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 585 หลักทรัพย์
นายชัยยศ จิวางกุร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ต่างเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไร้ทิศทาง เนื่องจากรอถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จากการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล
ขณะที่ตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.).คลายล็อกดาวน์บางส่วน แต่ในระหว่างเทรดช่วงบ่ายดัชนีฯอ่อนตัวลงบ้างหลังเทคนิคเข้าใกล้เขต Overbought แล้ว ขณะเดียวกันก็ยังรอผลประชุมเฟดด้วย
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้ามองว่า ทิศทางตลาดฯขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งออกมาในทางบวกก็จะช่วยขับเคลื่อนตลาดฯให้ปรับขึ้นได้ แต่หากออกมาในทางลบ โดยเฉพาะปรับลด QE เร็วกว่าตลาดคาดปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะส่งผลลบต่อตลาดฯ และยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่จะออกมาด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,590-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630 จุด
อย่างไรก็ตามดัชนีหุ้นไทยแม้ได้รับแรงหนุนการผ่อนคลายล็อคดาวน์ภายในประเทศหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มชะลอตัวลง แต่ยังมีแรงขายลดความเสี่ยงจากคาดการณ์การประชุมประจำปีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณปรับลดการใช้มาตรการเชิงปริมาณ ลงภายในปีนี้จะกดดันต่อภาพรวมการลงทุน และสัปดาห์หน้านักลงทุนยังต้องติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรีเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล เริ่มอภิปราย 31 ส.ค.-3 ก.ย. นี้ ลงมติในวันที่ 4 ก.ย. 64 นับเป็นอีกหนึ่งตัวชีวัดถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาล
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,132.37 ล้านบาท ปิดที่ 123.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
2.INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 3,317.98 ล้านบาท ปิดที่ 83.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
3.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,915.54 ล้านบาท ปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,685.67 ล้านบาท ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,473.06 ล้านบาท ปิดที่ 37.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
