TNN online หุ้นไทยปิดร่วง 7.59 จุด เหตุนักลงทุนกังวลเฟดปรับลดมาตรการคิวอี

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยปิดร่วง 7.59 จุด เหตุนักลงทุนกังวลเฟดปรับลดมาตรการคิวอี

หุ้นไทยปิดร่วง 7.59 จุด เหตุนักลงทุนกังวลเฟดปรับลดมาตรการคิวอี

หุ้นไทยปิดร่วง 7.59 จุด ที่ระดับ 1,544.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78,142.85 ล้านบาท เหตุนักลงทุนกังวลเฟดปรับลดมาตรการคิวอี พรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบจำกัด

วันนี้ (19 ส.ค.64)   หุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,544.28 จุด ลดลง 7.59 จุด หรือ -0.49% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78,142.85 ล้านบาท  โดยบรรยากาศดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบ ดัชนีทำระดับสูงสุด 1,553.90 จุด และระดับต่ำสุด 1,543.75 จุด   จากการที่นักลงทุนเริ่มกังวลหลังจากการายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดวงเงินในโครงการคิวอีในปีนี้หลังเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้ดี ทำให้เงินลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มไหลออกจาก

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 587 หลักทรัพย์ ลดลง 1,140 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 461 หลักทรัพย์

นักวิเคราะห์  บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียต่างติดลบเช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบ่ายนี้ลงๆไปถึง 300 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลด QE ภายในปีนี้ และการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ทำให้นักลงทุนทิ้งสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า เป็นผลลบต่อตลาดหุ้น

อย่างไรก็ดี เงินบาทยังแข็งแกร่งแม้จะอยู่ในทิศทางที่อ่อนค่าแต่ก็อ่อนค่าน้อยกว่าที่คาด อีกทั้งยังมีแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันเข้ามาที่หุ้ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและราคาลงไปมากแล้ว รวมทั้งการนำเสนอข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนเป็นแรงหนุนหุ้นรายตัว ดังนั้นควรจะติดตามข้อมูลเพื่อเป็นมุมมองต่อผลประกอบการไตรมาส 3/64 หลังจากเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหมี่เต็มที่ หากไม่ได้รับผลกระทบมากนักก็อาจทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นได้ อีกทั้งแนะติดตามทิศทางราคาน้ำมันด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) คาดว่าตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบจำกัด แต่ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดฯสหรัฐฯ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560 จุด

          

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า การลงทุนในระยะสั้นนี้แนะนำนักลงทุนคงน้ำหนักหุ้นต่างประเทศไว้ที่ 35% ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีความกังวลจากการแพร่ระบาดโควิดที่เร่งตัวขึ้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงตัดสินใจลดน้ำหนักหุ้นไทยเหลือ 25% โดยเน้นการลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำ หรือปันผลสูงเป็นหลัก ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารลงทุนอื่นๆ เน้นลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนในหุ้นไทย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากสภาวะตลาดหุ้นผันผวน และขาดปัจจัยหนุนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับคงน้ำหนักตราสารหนี้ไว้ 15% สุดท้ายตลาดเงินเพิ่มน้ำหนัก 5% เป็น 15% รอจังหวะลงทุนในเดือนถัดไป

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่          

1.HANA      มูลค่าการซื้อขาย  2,583.43  ล้านบาท  ปิดที่  79.00 บาท เพิ่มขึ้น  3.25 บาท

2.PSL         มูลค่าการซื้อขาย  2,474.02  ล้านบาท  ปิดที่  23.80 บาท เพิ่มขึ้น  0.20 บาท

3.KBANK   มูลค่าการซื้อขาย  2,188.46  ล้านบาท  ปิดที่ 106.00 บาท ลดลง   0.50 บาท

4.B             มูลค่าการซื้อขาย  1,950.38  ล้านบาท  ปิดที่   0.91 บาท เพิ่มขึ้น  0.09 บาท          

5.KCE        มูลค่าการซื้อขาย  1,898.11  ล้านบาท  ปิดที่  86.75 บาท เพิ่มขึ้น  1.00 บาท

หุ้นไทยปิดร่วง 7.59 จุด เหตุนักลงทุนกังวลเฟดปรับลดมาตรการคิวอี


ข่าวแนะนำ