ข่าวดีรัฐอนุมัตินำเข้าวัคซีนไฟเซอร์เพิ่ม 10 ล้านโดสหนุนหุ้นไทยปิดพุ่ง 12.98 จุด

วันนี้( 17 ส.ค.64) ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,544.22 จุด เพิ่มขึ้น 12.98 จุด (+0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 83,148.00 ล้านบาท  โดยบรรยากาศตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายมีแรงซื้อเข้าเป็นจำนวนมาก สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ  จากความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว อาจทำให้ ความต้องการชะลอตัวไปด้วย ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)วันที่ 18 ส.ค.นี้ ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมอย่างไร

ขณะที่บ้านเราได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และบริการ อาทิ โรงแรม, ท่องเที่ยว และการบริโภคต่างๆ หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มลงบ้าง และเห็นชอบแนวทางเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวเชื่อมโยง Phuket Sandbox ไปยังจังหวัดนำร่องอื่น เช่น  สุราษฎรธานี กระบี่ และ พังงา ภายใต้มาตรการ 7+7 ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาดได้ดีพอควร

นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เป็นเทคนิคเคิลรีบาวด์ สวนทางตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็ปรับตัวลงราว 0.4% จากความเสี่ยงที่จีนออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณของการแผ่วลง ทำให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาบ้าง

 ส่วนตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังเชิงบวกจากกการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ที่ได้มีการอนุมิติซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่ม 10 ล้านโดส จากเดิม 20 ล้านโดส ส่งมอบพร้อมกันในไตรมาส 4/64 ทำได้ตามเป้า และเมื่อรวมกับที่รับบริจาคก็จะมี 31 ล้านโดส แต่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศยังทรงตัวในระดับสูงอยู่ ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าจะพีคเมื่อไร

 แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด โดยมีแนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,545-1,550 จุด  พร้อมให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศต่อไป ส่วนนอกประเทศให้ติดตามยอดค้าปลีกของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันนี้ และติดตามคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.วันที่ 18 ส.ค.นี้ ส่วนวันศุกร์(20 ส.ค.)ให้ติดตาม FTSE Rebalance โดยคาดว่า BBL-F และ KBANK-F จะถูกถอดออกจากการคำนวณ

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่          

1.PTT     มูลค่าการซื้อขาย  4,024.14  ล้านบาท  ปิดที่  36.00 บาท เพิ่มขึ้น  0.75 บาท

2.KCE     มูลค่าการซื้อขาย  3,116.81  ล้านบาท  ปิดที่  86.50 บาท เพิ่มขึ้น  5.00 บาท

3.KBANK   มูลค่าการซื้อขาย  2,408.03  ล้านบาท  ปิดที่ 107.50 บาท เพิ่มขึ้น  2.50 บาท

4.BCH     มูลค่าการซื้อขาย  2,084.80  ล้านบาท  ปิดที่  24.80 บาท เพิ่มขึ้น  0.90 บาท

5.INTUCH  มูลค่าการซื้อขาย  2,055.95  ล้านบาท  ปิดที่  76.75 บาท เพิ่มขึ้น  3.25 บาท

ติดตามข้อมูลการลงทุนที่  https://marketdata.set.or.th/mkt/marketsummary.do?language=th&country=TH